โดยรวมแล้ว “ธี่หยด 2” ถือเป็นภาคต่อที่พัฒนาจุดแข็งจากภาคแรกได้อย่างชัดเจน ทั้งในด้านการดำเนินเรื่องที่กระชับขึ้น การเพิ่มสัดส่วนแอ็คชั่นผจญภัยแบบเข้มข้น และการผสมผสานองค์ประกอบจากวัฒนธรรมไทยเข้ากับความบันเทิงระดับสากลได้อย่างน่าสนใจ แม้จะมีบางจุดที่ยังปรับปรุงได้ แต่ก็เป็นหนังที่ “สนุกครบรส” และน่าชมยิ่งกว่าภาคแรก…อย่างมาก!!!
การดำเนินเรื่องที่กระชับ-เข้มข้น ไร้รอยต่อ
หากภาคแรกใช้เวลาในการปูพื้นค่อนข้างยาว “ธี่หยด 2” กลับตัดเนื้อหาที่ไม่จำเป็นทิ้งออกได้เลย และเริ่มต้นด้วยการตามล่าผีชุดดำของ “ยักษ์” (ณเดชน์ คูกิมิยะ) ทันทีที่ภาพยนตร์เปิดตัว ฉากแอ็คชั่นไล่ล่าในป่าดงโขมดที่อัดแน่นไปด้วยความตื่นเต้น สร้างจังหวะเร้าใจแบบไม่ให้ผู้ชมได้พัก การเล่าเรื่องแบบ “เหยียบคันเร่งยาว” ได้อารมณ์แบบเอานิยายเพชรพระอุมาในแบบไลฟ์แอ็คชั่นที่สอดคล้องกับรีวิวจากแฟนนิยายที่ชื่นชมว่าหนัง “ติดเครื่องตั้งแต่ 2-3 นาทีแรก” และดำเนินไปอย่างรวดเร็ว ไม่ค่อยมีจุดเฉื่อยเท่าไหร่
แอ็คชั่นผจญภัยแบบ “เพชรพระอุมา” ในป่าอาถรรพ์
ภาคนี้เน้นการผจญภัยในป่าดงโขมด ซึ่งถูกออกแบบให้คล้ายกับโลกในนิยายผจญภัยอย่าง “เพชรพระอุมา” โดยมีเงื่อนไขลี้ลับและอาวุธของขลังที่ตัวละครต้องใช้ต่อสู้กับวิญญาณ ฉากต่อสู้ในป่ามีทั้งการปะทะแบบประชิดตัวและการใช้เทคนิคพิเศษแบบ CGI ที่สร้างความตื่นตา แม้บางส่วนอาจดูเกินจริง แต่ก็ให้ความรู้สึก “มันส์-สะใจ” ตามแบบฉบับหนังบู๊เพื่อความบันเทิง ถือว่าทำออกมาได้ตามที่ต้องการของผู้กำกับแล้วล่ะครับ
ทริลเลอร์ระดับสากลในฉากโรงแรมคล้าย The Shining
ช่วงท้ายเรื่องที่ครอบครัวต้องเผชิญผีชุดดำในโรงแรม ที่ถูกเซ็ตเนื้อเรื่องให้เหมือนทั้งโรงแรมเหลือแค่ครอบครัวของยักษ์ เป็นส่วนที่สร้างความประทับใจด้วยการอ้างอิงถึงหนังคลาสสิกอย่าง The Shining ผสมองค์ประกอบแบบ Wes Anderson หน่อยๆ ที่ออกแบบฉากที่มืดหม่นและแสงสีที่ตัดกันอย่างน่าขนลุกได้ดีทีเดียว
พัฒนาการตัวละครและเคมีคู่หู
“ยักษ์” ในภาคนี้เปลี่ยนจากเหยื่อมาเป็น “นักล่าผีเต็มตัว” อย่างสมบูรณ์ โดยมี “จ่าประพันธ์” (องอาจ เจียมเจริญพรกุล) เป็นคู่หูที่คอยเสริมทัพด้วยวิชาไสยศาสตร์ ที่ภาคแรกเหมือนเป็นตัวละครสมทบมาช่วยยักษ์ช่วงท้ายๆ ภาคนี้กลับมาโดดเด่นพร้อมตลกแบบหน้าตาย คิดว่าสามารถพัฒนาไปภาคต่อๆ ไปดีเลยล่ะครับเพราะลงตัวมาก ส่วนการแสดงของณเดชน์โดดเด่นทั้งด้านร่างกายและอารมณ์จะบอกว่าไร้ที่ติก็ได้นะ ขณะที่ตัวละครอื่นในครอบครัวก็มีบทบาทชัดเจน แม้ว่าจะไม่ได้โดดเด่นเป็นตัวหลักเท่าไหร่ เป็นตัวละครสมทบเท่านั้น
ข้อบกพร่องที่อาจปรับปรุงได้
ความหลอนที่ลดลง: ภาคนี้เน้นแอ็คชั่นมากกว่าสยองขวัญแบบเดิม ทำให้บรรยากาศหลอนของผีปอบนั้นลดลงไปมาก แม้จะมีความตุ้งแช่จั้มป์สแกร์มาเป็นระยะ แต่ก็ไม่ได้ความหลอนชวนผวาเท่าไหร่ แต่ก็แลกมากับความสนุกแบบแอ็คชั่นที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
เสริมเนื้อเรื่องในฉากป่าดงโขมด: ส่วนตัวคิดว่าแม้ว่าพื้นที่ของหนังส่วนใหญ่คือฉากนี้ แต่นั่นก็คิดว่ายังสามารถเพิ่มความผจญภัยในป่าให้เข้มข้นขึ้นไปอีก ขยายเรื่องให้รู้สึกผ่านด่านผจญภัยให้มากกว่านี้ได้อีก เอาความผญจภัยแบบเพชรพระอุมา อินเดียน่าโจนส์ ฯลฯ แบบนั้นเลยครับ จะฉีกเรื่องจากภาคแรกที่ถูกเซ็ตไว้แค่ที่บ้าน ขยายออกไปได้อีกเยอะเลย และเสียดายเรื่องมุกตลกของจ่าประพันธ์ เช่น เรื่องเฮลิคอปเตอร์ ซึ่งก็แอบคิดไว้แล้วว่าต้องมีจริงๆ แค่เสียดายเรื่องความอลังการเท่านั้นคือ เอามาบินจริงๆ ล่ะครับ แต่ก็เข้าใจได้เพราะเรื่องงบประมาณที่จำกัดก็ได้
ตัวละครสมทบตุยเย่เร็วไป: อีกจุดนึงที่น่าเสียดาย ตัวละครสมทบตายเร็วมาก ยังไม่รู้สึกถึงจุดที่น่าหมั่นไส้และแบบเออเอ็งสมควรโดนแล้วเท่าไหร่เลย ก็เชื่อมโยงเสริมความคิดเห็นตามข้อข้างบนนั่นแหละครับ ที่เรื่องในป่าขยายได้อีกนิด..ก็จะดีมากขึ้นกว่านี้
สรุป: แนะนำให้ดูเพื่อความบันเทิงแบบครบรส!
ธี่หยด 2 อาจไม่สมบูรณ์แบบทุกด้าน แต่ก็เป็นหนังไทยที่ลงทุนกับความบันเทิงเต็มเหนี่ยว ทั้งแอ็คชั่นดุเด็ด ทริลเลอร์ระทึกใจ และการตีโจทย์วัฒนธรรมไทยผสมสากลได้อย่างลงตัว แฟนหนังผีและแอ็คชั่นไม่ควรพลาด! มีฉายใน NETFLIX แล้วครับ

อยากจะเขียนอะไรก็เขียนอ่ะครับ แต่มีผู้ช่วยเขียนเป็น A.I. หากเขียนผิดหรือตกหล่นไปก็ขออภัยล่วงหน้านะครับ