ปีที่แล้ว (2024) มีเวลา 16 วัน ก็เลยขับรถโรดทริปเที่ยวใต้ไปจังหวัดที่ไม่เคยเห็น ตั้งเป้าเริ่มที่ระนองเพราะว่าไปใต้ทีไรตรงชุมพรจะดิ่งไปสุราษฎร์ทุกครั้งไป หลังจากระนองก็จะกำหนดตัวเองไม่ให้เหนื่อยมากจะขับรถต่อวันไม่ให้เกิน 3 – 4 ชม. เพื่อให้มีเวลาพักบ้าง ก็แพลนไปตามสถานะการณ์เพราะไปช่วงหน้าฝนด้วยแหละ แต่แพลนแรกคืออยากไปให้ถึงเบตงแล้วย้อนกลับมา แต่แล้วความคิดก็แว๊บเข้ามาในหัวว่าถ้าขับไปถึงปีนังแล้วค่อยย้อนมาทางเบตงล่ะจะได้มั้ยนะ นั่นก็เลยเป็นที่มาต้องไปหาข้อมูลขับรถยนต์ข้ามไปมาเลเซียต้องทำยังไงบ้าง
การเตรียมตัวก่อนขับรถเข้ามาเลเซีย
ขอเล่าไปล่วงหน้าก่อน จริงๆ การทำเรื่องเอกสารเข้ามาเลเซียด้วยตัวเองนั้นไม่ได้ยากและค่าใช้จ่ายไม่ได้เยอะมากเพื่อให้ได้ป้ายวงกลม ICP (คล้ายป้ายภาษีบ้านเราไว้ติดกระจกรถ) แต่กฏหมายของมาเลเซียจะเข้มงวดเรื่องความเข้มและทึบของฟิล์มกรองแสงรถยนต์บานหน้ามากคือเข้มไม่เกิน 30%-40% ในขณะที่รถในบ้านเราส่วนใหญ่ 60%++ กันทั้งนั้น การทำให้สุ่มเสี่ยงต้องลอกฟิล์มทิ้งกันตอนไปทำเรื่องเลยนะครับ
ดังนั้นเลยแนะนำใช้เงินแก้ปัญหา เงินที่ว่าน้อยกว่าค่าฟิล์มแน่นอน คือจ้างเอเจนซี่ทำเรื่องให้แทนไปเลยจะดีกว่า
การเตรียมเอกสาร
ขั้นตอนแรก : แปลเอกสารคู่มือรถยนต์ให้เป็นภาษาอังกฤษที่กรมขนส่งทางบก ในตอนแรกจะไปทำที่สุขุมวิท 62 แต่ไปแล้วหาที่จอดรถไม่ได้เลย ก็เลยคิดว่าเดี๋ยวไปทำที่กรมขนส่งจังหวัดระนอง ซึ่งก็ดำเนินการเร็วมาก 20 นาทีก็เสร็จแล้ว เสียเงินค่าแปลไป 55 บาท และไม่ต้องทำพาสปอร์ทรถยนต์เล่มสีม่วงแต่อย่างใด
ขั้นตอนถัดไป : ติดต่อเอเจนซี่ที่ใกล้ๆ ด่านที่เราจะข้าม ผมข้ามด่านสะเดา จ.สงขลา ก็เลยติดต่อไปยังบริษัท Tour168 ประกันรถไทยเข้ามาเลเซีย-สิงคโปร์ เสิร์ชเอาได้เลยใน Facebook ส่งเอกสารผ่านเฟซบุคเมสเซนเจอร์ไปได้เลย เช่น
- รายการจดทะเบียนรถเล่มภาษาไทย และที่แปลมาจากขนส่ง
- ใบขับขี่
- พาสปอร์ต
- รูปรถ 4 ด้าน : ด้านหน้า-ด้านหลัง-ด้านข้าง
จากนั้นก็จ่ายเงินซื้อประกันตามระยะเวลาที่เราจะเข้าไป ผมไปแค่ 3 วัน ก็ขั้นต่ำก็ 1 เดือน 900 บาท ค่าป้ายวงกลม 1 เดือน 700 บาท (ถ้า 3 เดือน 2,000) สติกเกอร์ป้ายทะเบียนมาเลเซีย 200 บาท รวมแล้วจ่ายไป 1,800 บาท ส่วนตัวคิดว่าแพงกว่าไปดำเนินการเองไม่กี่บาท แต่คุ้มกว่าแน่นอนหากไม่แน่ใจเรื่องความเข้มของฟิล์มกรองแสง
การเตรียมขับผ่านด่านมาเลฯ
หลังจากนัดรับเอกสารกับเอเจนซี่ ก็ติดสติกเกอร์ทะเบียนหน้า-หลังให้คนมาเลฯเค้าอ่านออก เค้าอ่านป้ายเราไม่ออกครับ 555 แล้วก็ติดป้ายวงกลมอันใหญ่ๆ ที่กระจกหน้าก็เป็นอันเรียบร้อยพร้อมผ่านด่านได้แล้ว อ้อ..ข้อดีของเอเจนซี่อีกอย่างก็คือ เค้าเตรียมใบ ตม.2-3 ที่ใช้เข้าออกด่านไทยให้ด้วยครับ และที่สำคัญซื้อบัตร Touch n’ Go, ซิมการ์ด และ แลกเงินให้เรียบร้อยไปเลยก็ได้
แต่อย่าลืมไปลงทะเบียนก่อนเข้ามาเลฯ ล่วงหน้าได้ 3 วันก่อนเข้าประเทศเข้าที่นี่ https://imigresen-online.imi.gov.my/mdac/main?registerMain กรอกที่อยู่โรงแรมที่จะพัก กับ ทะเบียนรถภาษาอังกฤษตามสติกเกอร์ก็ได้ครับ
ขาออกก็ขับตามๆ เค้าไป ถึงด่านก็สแตมป์พาสปอร์ต ยื่นเอกสาร ตม. 2-3 แล้วก็ขับไปด่านมาเลฯ ยื่นพาสปอร์ต สแตมป์ๆ เจอด่านทหารโบกมือทักทายสวัสดีค้าบบเป็นภาษาไทย ก็แอบงงนิดหน่อยพี่จะไม่ค้นรถหน่อยเหรอ! แต่นั่นก็ดีล่ะไม่เสียเวลา ก็เป็นอันเข้าประเทศมาเลเซียสำเร็จ แค่เพียงระยะข้ามด่านไม่ถึง กม. แต่ก็รู้สึกได้ถึงกำแพงทางภาษาได้ทันที
การขับรถในมาเลเซีย
จริงๆ ผมขับไปถึงแค่ปีนัง แพลนจะขับผ่านกัวลาลัมเปอร์ไปถึงยะโฮร์บาห์รูข้ามไปสิงคโปร์นั้นพับไปก่อนเพราะใช้เวลาเยอะแน่ๆ ก็เลยแนะนำการขับรถในมาเลเซียถึงแค่ปีนังไปก่อนนะครับ
Touch n’ Go
ทางด่วนในมาเลเซียตั้งแต่เข้ามาจนถึงปีนังส่วนใหญ่จะเป็นทางด่วนยาวๆ แบบมอเตอร์เวย์บ้านเราล่ะครับ การจ่ายค่าทางด่วนส่วนใหญ่จะเป็นบัตร Touch n’ Go เติมเงินเข้าไปในบัตร หรือจ่ายผ่านบัตรเครดิต VISA/MASTER แบบแตะก็ได้เหมือนกัน..แต่มันไม่มีทุกด่าน ไม่แนะนำ ส่วนเงินสดป้ายไม่มีบอกหากไม่ได้เตรียมตัวก็แนะนำเข้าซ้ายสุดซื้อและเติมเงินกับเค้าได้เลย แต่ส่วนใหญ่ป้อมทางด่วนไม่มีคนนั่งเหมือนบ้านเรานะเลยแนะนำให้มี Touch n’ Go ไว้
บัตร Touch n’ Go ก็สามารถซื้อของร้านของชำหรือจ่ายค่าที่จอดรถบางที่ได้ด้วยล่ะครับ มี Mobile App ผูกเชื่อมกับบัตรได้ด้วยเหมือนๆ True Money นั่นแหละ หากไม่รู้ว่าแต่ละด่านจ่ายเท่าไหร่ ก็อาจ Google เอาด้วยคำว่า malaysia toll calculator ไปก่อน หรือ 10-20RM ก็คิดว่าพอในวันแรกๆ นะครับ
กฏจราจร ทางด่วน เติมน้ำมันในมาเลเซีย
บนทางด่วนมาเลเซียเห็นบอกกันว่าจราจรหิวเงินพอควรหากเราทำผิด ดังนั้นแนะนำอย่าขับเร็วเกินกำหนด บางช่วงบอก 90 กม/ชม. ก็อย่าไปเกินเท่านั้นเอง นอกทางด่วนก็ดูตามลิมิตดีๆ นะครับ ซึ่งมาเลฯ ขับรถชิดซ้ายแบบบ้านเราปรับตัวไม่ยากแน่นอน ก่อนขึ้นทางด่วนก็วางแผนเรื่องอาหาร น้ำมัน ห้องน้ำไว้ก็ดีนะครับ เท่าที่จำได้ตอนขับไปจอร์จทาวน์มีจุดแวะบนทางด่วนแค่ 2 จุด แต่ละจุดก็ห่างกันหลายสิบกิโลเลย
การเติมน้ำมันโดยเฉพาะรถทะเบียนจากประเทศไทย หากอยากได้ราคาถูกแบบคนมาเลฯเติม ก็ต้องขับหาปั้มที่ห่างจากด่านประมาณ 20 กิโลฯ นะครับถ้าจำไม่ผิด และเบนซินจะเติมได้เฉพาะ RON97 ซึ่งมีราคาประมาณ 25-26 บาท/ลิตร ส่วน RON95 ราคาประมาณ 15 บาทนั้นไม่สามารถเติมได้ แม้ว่าการเติมน้ำมันในมาเลเซียไม่มีเด็กปั้ม เราบริการตัวเองจ่ายผ่านบัตรเครดิตก็จ่ายเองไม่มีใครมาดู แต่ควรรู้ไว้ว่าบทลงโทษคือ “ผู้ใดฝ่าฝืนกฎหมายนี้มีโทษปรับสูงสุด 1 ล้านริงกิตมาเลเซีย หรือจำคุก 3 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ” เราอย่าประหยัดเงินไม่กี่ร้อยกี่พันเลยครับ ไม่คุ้มแน่นอนแล้วข้ออ้างไม่รู้กฏหมายนั้นไม่มีใครฟังแน่นอน
การจอดรถในมาเลฯ
อีกสิ่งนึงที่ค่อนข้างต่างจากบ้านเราคือที่จอดรถริมถนนในปีนัง ไม่เหมือนบ้านเราที่จะจอดได้เลย รอคนมาเก็บเงิน เค้าจะตีเส้นเป็นล็อคๆ ไว้ริมถนนไม่มีคนมาเก็บ การจะจ่ายก็จ่ายผ่าน APP PenagSmartParking มี QR Code สแกนหรือระบุเขตหมายเลขล็อคบนถนนแล้วก็จ่ายเงินตัดผ่าน Touch n’ Go นั่นแหละ ค่าจอดไม่แพงแต่หาที่ว่างยากมาก ดังนั้นแนะนำไปหาที่รับฝากรถ ตามแหล่งท่องเที่ยวมีที่จอดเยอะแยะครับ จ่ายผ่าน Touch n’ Go หรือเอาบัตรเครดิตไปแตะจ่ายก็ได้เช่นกัน ช่วยประหยัดแรงในการเดินได้เยอะอยู่ครับ
ก็แนะนำการขับรถเข้ามาเลเซียประมาณนี้นะครับ ส่วนตัวคิดว่าขับไม่ยาก ตาม Google Map ก็ไม่หลง ในเมืองส่วนใหญ่ก็วันเวย์ แต่คนมาเลขับรถค่อนข้างใจร้อนหน่อย ดูทางที่เราจะขับไปดีๆ ก็พอแล้ว

อยากจะเขียนอะไรก็เขียนอ่ะครับ แต่มีผู้ช่วยเขียนเป็น A.I. หากเขียนผิดหรือตกหล่นไปก็ขออภัยล่วงหน้านะครับ