Skip to content

[รีวิว] OLD : โอลด์ (2021)

เวลาที่ใช้อ่าน : 2 นาที

คำเตือน! อาจพบสปอยล์ได้จากบทความนี้

เอ็ม. ไนท์ ชยามาลาน ซึ่งเป็นที่รู้จักกันอย่างดีที่หนังตอนจบที่หักมุมอันเป็นเอกลักษณ์ของเขา และผลงานที่ออกในปี 2021(2564) ก็ได้ออกผลงานเรื่อง “OLD” หนังระทึกขวัญแนวจิตวิทยา ที่เล่าแนวคิดของเวลา แม้ว่าภาพยนตร์จะเริ่มต้นด้วยเนื้อหาที่น่าสนใจ แต่รู้สึกว่ากลับล้มเหลวในการเล่าเรื่องให้ออกมาแบบน่าพอใจ ทำให้รู้สึกผิดหวังในตอนจบนิดหน่อย

เรื่องราวเกี่ยวกับกลุ่มนักท่องเที่ยวมาพักผ่อนในรีสอร์ท ที่พบว่าตัวเองมาติดอยู่บนชายหาดอันเงียบสงบ แต่ชายหาดนี้กลับเร่งความชราของร่างกายอย่างรวดเร็ว เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ทำให้ตัวละครต่างๆ จะต้องต่อสู้กับความแก่จนตายที่ใกล้เข้ามา เท่านั้นยังไม่พอยังต้องเผชิญกับความคิดภายใต้จิตใจของเพื่อนร่วมชะตากรรมที่เป็นจิตเภท ด้วยการจัดฉากที่น่าสนใจของหนังเรื่องนี้ ใครๆ ก็คาดหวังว่าจะมีการเล่นกับสภาพจิตใจของมนุษย์อย่างใจจดใจจ่อ

ในบางช่วงแบบรู้สึกคล้ายกับซีรี่ย์เรื่อง LOST (อสูรกายดงดิบ) ที่ดำเนินเรื่องไป ก็ค่อยๆ ออกทะเลไปไกล

จังหวะของหนังทำออกมาไม่ค่อยไม่สม่ำเสมอ โดยครึ่งแรกดำเนินไปในขณะที่แนะนำตัวละครต่างๆ และประเด็นที่เกี่ยวข้อง เราจะได้รับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับชีวิตของพวกเขา แต่ข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้ไม่สามารถนำมาพัฒนาตัวละครได้อย่างเต็มที่ ปล่อยให้เรื่องราวมากมายรู้สึกว่าแค่ผิวเผิน บทสนทนาในเรื่องมักจะรู้สึกว่าถูกบังคับและดูไม่เป็นธรรมชาติ ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อความอินกับตัวละครของผู้ชม ในการเชื่อมต่อกับตัวละครให้ลงเข้าไปในระดับลึกถึงความนึกคิดของตัวละคร

เมื่อตัวละครในเรื่องเริ่มอายุมากขึ้นอย่างรวดเร็ว หนังก็พยายามเจาะลึกถึงผลกระทบทางจิตใจ และอารมณ์ที่เกิดขึ้นกับพวกเขา แต่ทำออกมาไม่ค่อยดี เหมือนติดหล่มที่ต้องสร้างเหตุการณ์ที่รู้สึกอิมแพคกับเนื้อเรื่อง ทำให้การพัฒนาตัวละครนั้นดูเร่งรีบและตื้นเขิน ช่วงเวลาที่ควรสะท้อนอารมณ์ มักจะถูกมองว่ามันดูตั้งใจไปหน่อย ขาดความลึกซึ้งในการกระตุ้นเพื่อการตอบสนองจากผู้ชม

ยิ่งไปกว่านั้น ตอนจบที่เป็นเครื่องหมายการค้าของเอ็ม. ไนท์ ชยามาลาน ซึ่งกลายเป็นเนื้อหาหลักของภาพยนตร์ของเขา เต็มไปด้วยคำถามและคำตอบ เรารู้ว่าชายหาดคือการทดลองลับของบริษัทยา แม้ว่าการเปิดเผยจะเพิ่มองค์ประกอบของการสมรู้ร่วมคิดให้กับเรื่องราว แต่ก็รู้สึกว่าดูเร่งรีบให้การแก้ปัญหา ไม่รู้สึกว่าเจ้าของรีสอร์ทได้รับผลกรรมแบบที่น่าพอใจ

ในด้านภาพ ภาพยนตร์เรื่องนี้มีความสวยงามด้วยทิวทัศน์ริมชายหาดที่สวยงามและมุมมองของภาพก็ออกมาได้น่าประทับใจ อย่างไรก็ตาม การถ่ายทำภาพยนตร์เพียงอย่างเดียวไม่สามารถชดเชยข้อบกพร่องในการเล่าเรื่องได้ การใช้งานเสียงที่น่าขนลุกทำให้ความตึงเครียดเพิ่มขึ้นในบางครั้ง แต่องค์ประกอบเหล่านี้ไม่สามารถกอบกู้เรื่องราวให้กลับมาดีขึ้นได้

ในแง่ของการแสดง นักแสดงพยายามเต็มที่กับเนื้อหาที่ได้รับ Gael García Bernal, Vicky Krieps และ Alex Wolff นำเสนอการแสดงที่น่ายกย่อง แต่พรสวรรค์ของพวกเขากลับสูญเสียไปกับตัวละครที่เขียนบางๆ เลยทำให้การสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องยาก เนื่องจากเบื้องลึกของพวกเขายังพัฒนาได้ไม่สมบูรณ์ และการกระทำหลายๆ อย่างของพวกเขามักจะอธิบายไม่ได้

โดยสรุปแล้ว OLD เริ่มต้นด้วยความน่าสนใจและศักยภาพในการเล่นเรื่องเกี่ยวกับเวลา และความพิศวงอันน่าติดตาม น่าเสียดายที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่สามารถใช้ประโยชน์จากแนวคิดเหล่านี้ได้ การดำเนินเรื่องที่ดูน่าติดตามหาสาเหตุอยู่แล้ว แต่กลับพบว่าตอนจบที่คิดว่าจะว้าวนั้น เมื่อถูกเฉลยกลับรู้สึกเฉยมาก แต่ผลกรรมของคนเหล่านั้น เราไม่รู้สึกถูกแก้แค้นแบบสาสมสักเท่าไหร่นัก แม้ดูแล้วจะไม่ถูกใจเมื่อเทียบกับงานมาสเตอร์พีซของเค้าแล้ว กลับกันก็ยังสามารถทำเงินได้ $90 ล้านจากทุนสร้าง $18 ล้านเหรียญ

เกร็ด(จาก IMDB)

  • ภาพยนตร์เรื่องนี้ดัดแปลงมาจากนวนิยายภาพในปี 2010 ของ Pierre-Oscar Lévy และ Frederik Peeters ในชื่อเรื่อง Sandcastle เมื่อเอ็มไนท์ถูกถามว่า อะไรเป็นแรงบันดาลใจให้เขาดัดแปลงนวนิยายภาพเป็นภาพยนตร์ เขาอธิบายว่า: “หนังสือเล่มนี้เปิดโอกาสให้ผมทำงานผ่านความวิตกกังวลมากมายเกี่ยวกับความตายและความชรา รวมถึงคนรอบๆตัว เช่น พ่อและแม่ของเขา”
  • ภาพยนตร์ที่ชาร์ลส์ (รูฟัส ซีเวลล์) คิดไม่ออกสักทีว่าดารานำทั้งมาร์ลอน แบรนโดและแจ็ค นิโคลสันนั้นคือเรื่อง The Missouri Breaks (1976) และเนื้อเรื่องของมันไม่มีความเกี่ยวข้องกับภาพยนตร์เรื่องนี้แต่อย่างใด
  • และเรื่อง The Missouri Breaks (1976) ที่ชาร์ลส์คิดไม่ออกนั้น ถูกเซ็ตในสถานที่ Missouri Breaks ทางตอนเหนือของรัฐมอนทานา ดินแดนรกร้างแห่งนี้มีลักษณะเป็นหน้าผาสูงชันและแนวหิน บางแห่งทะลุผ่านหุบเขาแคบๆ ที่ “แยกออก” ลงสู่แม่น้ำ การอ้างอิงในภาพยนตร์อาจเป็นการบูชาครูให้กับหน้าผาสูงชันที่สูงตระหง่านเหนือชายหาดในทำนองเดียวกัน
  • ก่อนการถ่ายทำ เอ็ม. ไนท์ ชยามาลานฉายภาพยนตร์สองเรื่องให้นักแสดงและทีมงานของเขาดู เพราะสไตล์และโทนที่เขาต้องการให้ออกมาสำหรับหนังเรื่องนี้ เรื่องแรกคือ Walkabout (1971) กำกับโดย Nicolas Roeg เรื่องที่สองคือ Picnic at Hanging Rock (1975) กำกับโดย Peter Weir เอ็มไนท์อธิบายสิ่งเหล่านี้ว่า “เรื่องราวเกี่ยวกับมนุษย์ที่ต่อสู้กับพลังที่ท่วมท้นของธรรมชาติ” ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่ธรรมชาติกลายเป็นสิ่งที่ลึกลับ ครอบงำ และเหนือธรรมชาติ
  • ช่วงเริ่มถ่ายทำในปี 2020 เป็นช่วงที่โควิด-19ระบาดไปทั่วโลก นักแสดงและทีมงานต้องเข้ารับการตรวจหาการติดเชื้อที่อาจเกิดขึ้นทุกวัน แม้ว่าพวกเราทุกคนจะใช้ชีวิตและทำงานร่วมกันมาหลายเดือน แต่ก็ไม่มีใครติดเชื้อหรือป่วยเลย
  • หนังเรื่องนี้ได้รับอิทธิพลอย่างมากจากเรื่อง The Exterminating Angel (1962) ของ Luis Buñuel ที่ว่าด้วยเรื่องกลุ่มตัวละครที่พบว่าตัวเองติดอยู่ในสถานที่ที่ไม่เอื้ออำนวยและไม่สามารถออกไปได้ เท่านั้นยังไม่พอโลโก้ใบปาล์มของรีสอร์ทในเรื่อง ก็มาจากโลโก้เปิดของหนัง Luis Buñuel เด๊ะๆ
  • หนังเรื่องถ่ายทำด้วยฟิล์ม 35 มม.หลังจากห่างหายการใช้งานไป 10 ปีนับตั้งแต่ The Last Airbender (2010)
  • จำนวนที่เสียชีวิตในเรื่องทั้งหมด 12 ชีวิตรวมถึงหมาด้วย
  • โค้ดลับที่เด็กๆ ใช้คุยกันนั้นเป็นโค้ดเดียวกับ ฆาตกรจักรราศี (Zodiac killer) ในซานฟรานซิสโกช่วงปี 1970s

แสดงความคิดเห็น : Kitchen Rai

Your email address will not be published. Required fields are marked *