Skip to content

[รีวิว] S Line : เอส ไลน์ (2025) | เส้นแดงแห่งบาปปรารถนา ความกล้าที่จะมองทะลุความสัมพันธ์ และรอยร้าวที่ถูกทิ้งไว้

เวลาที่ใช้อ่าน : 2 นาที

ในยุคที่อุตสาหกรรมซีรีส์เกาหลีเริ่มกล้าทดลองเนื้อหาที่หมิ่นเหม่ต่อศีลธรรมและท้าทายรสนิยมผู้ชมมากขึ้นเรื่อย ๆ S Line กลายเป็นหนึ่งในผลงานที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางตั้งแต่ยังไม่ออกอากาศ ทั้งเพราะมันดัดแปลงจากเว็บตูนชื่อดังของ “โกมาบี-꼬마비” ผู้เขียนที่เคยเขย่าขวัญวงการด้วย The Killer’s Shopping List(살인자ㅇ난감) และยังเป็นผลงานที่อยู่ใน “ไตรภาคแห่งความตาย” ที่ขึ้นชื่อเรื่องการเปิดโปงด้านมืดของมนุษย์อย่างไม่ปรานี

หัวใจของ S Line คือแนวคิดเหนือจริงที่เรียบง่ายแต่ชวนสะเทือนขวัญ—การมองเห็นเส้นสีแดงที่เชื่อมโยงระหว่างผู้ที่เคยมีสัมพันธ์ทางกายกัน เส้นที่เปิดเผยความลับ ความใคร่ และความสัมพันธ์ต้องห้ามที่สังคมพยายามปิดบัง นี่คือจุดตั้งต้นของแฟนตาซี–ทริลเลอร์ที่วางตัวเองไว้กึ่งกลางระหว่างความจริงและความปรารถนา

การดัดแปลงที่พลิกความหมาย

หากในต้นฉบับทุกคนสามารถมองเห็น “S Line” ได้ ซีรีส์กลับเลือกจะจำกัดการมองเห็นไว้เพียงบางคน ผ่านพลังโดยกำเนิดของ “ชิน ฮย็อน-ฮึบ” (อาริน) และวัตถุพิเศษอย่าง “แว่นตา” ที่ทำให้ผู้สวมใส่เห็นความเชื่อมโยงต้องห้ามเหล่านี้ได้ การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ใช่เพียงลูกเล่น แต่คือการตีกรอบใหม่ที่ทำให้ S Line ขยับจากการวิจารณ์สังคมเชิงกว้าง สู่การสำรวจจิตใจรายบุคคลอย่างเข้มข้นมากขึ้น เส้นที่บางคนมองไม่เห็น กลายเป็นความจริงที่บางคนต้องสะดุดเจ็บปวดแต่เพียงลำพัง

อย่างไรก็ตาม จุดแข็งของการ “เลือก” กลับถูกหักล้างด้วยการ “ไม่อาจโฟกัส” ซีรีส์พยายามเร่งเร้าอารมณ์ด้วยฉากกระตุ้นประสาท สอดแทรกประเด็นหนักอย่างการกลั่นแกล้งในโรงเรียนและการพยายามฆ่าตัวตายตั้งแต่ต้นเรื่อง แต่กลับละเลยรายละเอียดสำคัญในการสร้างความสมเหตุสมผล ตัวละครที่เพิ่งได้ครอบครองแว่นตาไม่กี่ชั่วโมงกลับเข้าใจพลังนั้นอย่างสมบูรณ์และนำไปใช้เอื้อประโยชน์ตนเองอย่างง่ายดาย จนความลึกซึ้งที่ควรมี กลับถูกแทนที่ด้วยความฉาบฉวยเพื่อเร่งการเดินเรื่อง

นักแสดง: พลังใหม่และรอยด่าง

สิ่งที่ไม่อาจปฏิเสธคือการพลิกบทบาทของ “อาริน” ผู้เคยเป็นภาพจำแห่งความสดใสจากวง Oh My Girl มาสู่ร่างทรงแห่งความมืดมนในฐานะ “ฮยอน-ฮึบ” หญิงสาวผู้ถูกสาปด้วยสายตาที่มองเห็นเส้นบาปตั้งแต่เกิด อารินใช้เสียงทุ้มต่ำ รูปลักษณ์ปรับแต่งใหม่ และพลังการแสดงที่ไม่เคยเผยมาก่อน สร้างความน่าเชื่อถือให้กับตัวละครที่แบกแผลใจจนกลายเป็นเงามืดของตัวเอง

ด้าน “อี ดา-ฮี” สร้างความแปลกใหม่ไม่แพ้กัน จากคาแรกเตอร์คูลและทรงพลังที่เราคุ้นเคย เธอกลายเป็นครูผู้หญิงอบอุ่น ใส่ซื่อ แต่ค่อย ๆ แง้มเงื่อนงำที่ทำให้ผู้ชมไม่อาจไว้วางใจได้ การผสมระหว่างความละมุนและความลึกลับทำให้เธอเป็นแกนสำคัญของความไม่แน่นอนในเรื่อง

ทว่า “อีซูฮยอก” กลับกลายเป็นรอยร้าวที่ชัดเจน มีเสียงวิจารณ์ว่าเสียงพูด(เกาหลี)ไม่ชัด(ส่วนตัวดูพากย์ไทย)และการแสดงที่เหมือนถูกยกมาจากรันเวย์มากกว่าหน่วยสืบสวน ทำให้ตัวละครตำรวจที่ควรจะขึงขังกลับไร้น้ำหนัก ฉากที่เขายืนดูอาชญากรรมจากหน้าต่างโดยไม่รีบเข้าไปช่วย กลายเป็นภาพจำอันน่าขันมากกว่าน่ากลัว

สัญลักษณ์แห่งเส้นสาย และเสียงสะท้อนจาก “แนนโน๊ะ”

เมื่อมองในภาพรวม S Line ชวนให้นึกถึงซีรีส์ไทย เด็กใหม่ (Girl from Nowhere) ในแง่การใช้พลังเหนือจริงเปิดโปงด้านมืดของสังคมและความสัมพันธ์ลับที่ซ่อนอยู่ใต้หน้ากากศีลธรรม เส้นแดงของ S Line ไม่ต่างจากตัวตนของแนนโน๊ะที่เป็นเหมือนกระจกสะท้อนความจริง—ไม่ว่ามนุษย์จะพยายามปิดบังแค่ไหน ความสัมพันธ์ก็ยังเชื่อมโยงพวกเขาไว้ด้วยเส้นบาง ๆ ที่ไม่อาจตัดขาด

แต่ตรงข้ามกับพลังการเล่าเรื่องของ เด็กใหม่ ที่เฉียบคม S Line กลับพลาดท่าในรายละเอียดและจังหวะการเล่าเรื่อง โดยเฉพาะตอนท้ายที่ควรจะเป็นการรวบรวมทุกปริศนา กลับกลายเป็นการปล่อยให้หลายคำถามลอยค้าง ทิ้งความรู้สึกค้างคาและผิดหวัง แม้จะวางตัวเป็นแฟนตาซี–ทริลเลอร์ที่กล้าเผชิญด้านมืด แต่กลับขาดความเข้มข้นในชั้นเชิงที่จะทำให้ผู้ชมรู้สึก “ถูกลากไปจนสุดเส้น”

บทสรุป: ความกล้าและความเสียดาย

S Line คือผลงานที่น่าชื่นชมในแง่ความกล้า ทั้งต่อประเด็นทางเพศ ความสัมพันธ์ต้องห้าม และการยกเครื่องจากต้นฉบับเว็บตูนให้เข้ากับภาษาภาพยนตร์ แต่ความกล้ากลับไม่ได้แปรเปลี่ยนเป็นความแหลมคมในรายละเอียด และหลายครั้งกลับถูกลดทอนด้วยการวิ่งเข้าหาความเร้าอารมณ์ง่าย ๆ

ซีรีส์นี้ไม่ใช่ความล้มเหลว หากแต่เป็นบทเรียนให้เห็นว่าการทดลองและการเลือกดัดแปลงจำเป็นต้องจับคู่กับความละเอียดรอบคอบ มิฉะนั้นเส้นแดงที่ควรเป็นสัญลักษณ์ของ “ความจริงที่ไม่อาจหลบหนี” ก็อาจกลายเป็นเพียงเส้นขีดที่ลากผ่านแล้วเลือนหายไปในสายตาผู้ชม

ในท้ายที่สุด S Line ทำให้เราตั้งคำถาม ไม่ใช่เพียงกับตัวละครที่ถูกเชื่อมด้วยเส้นแห่งความใคร่ แต่กับตัวเราเองว่า—เมื่อเผชิญหน้ากับความจริงที่เราพยายามหลบเลี่ยง เราจะเลือกตัดสายตาหนี หรือมองมันตรง ๆ อย่างที่ซีรีส์พยายามบังคับให้ทำ

แสดงความคิดเห็น : Kitchen Rai

Your email address will not be published. Required fields are marked *


Optimized by Optimole