Skip to content

[รีวิว] Adrift : รักเธอฝ่าเฮอร์ริเคน (2018)

เวลาที่ใช้อ่าน : < 1 นาที

Adrift ชื่อไทย “รักเธอฝ่าเฮอร์ริเคน” เห็นเข้ามาใหม่ใน Netflix หลังจากดูแล้วก็คิดว่าเป็นภาพยนตร์ที่ดีเรื่องนึงเลย เรื่องนี้เป็นแนวดราม่าเอาชีวิตรอดที่กำกับโดย Baltasar Kormákur ออกฉายในปี 2018 โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากเรื่องจริง หนังจะพาผู้ชมไปสู่การเดินทางที่น่าตื่นเต้นและสะเทือนอารมณ์ด้วยความรู้สึกสวิงไปมาทางอารมณ์ ที่เต็มไปด้วย ความมุ่งมั่นในการเอาตัวรอดและความรัก โดยถ่ายทอดภาพอย่างเข้มข้นของความอดทนของมนุษย์ ในการเผชิญกับโอกาสรอดที่ยากจะคาดเดา

ภาพยนตร์จะพาเราติดตามเรื่องราวของ แทมี่ โอล์ดแฮม (Shailene Woodley) หญิงสาวที่ออกเดินทางข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกกับแฟนหนุ่ม ริชาร์ด ชาร์ป (Sam Claflin) แต่การรับจ้างล่องเรือครั้งนี้ต้องพลิกผัน เมื่อพบกับพายุเฮอริเคนที่ทรงพลังที่สุดลูกหนึ่งในประวัติศาสตร์ สร้างความเสียหายให้กับเรือยอร์ช จนต้องปล่อยให้เรือล่องลอยเคว้งอยู่กลางทะเลไปตามกระแสลมเท่านั้น และยังต้องต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดให้ถึงฝั่งให้ได้

หนังจะเล่าเรื่องสลับไปมาระหว่างสองไทม์ไลน์ แต่การเล่าครั้งนี้ถือว่าทำได้ดีอย่างไร้รอยต่อ สลับระหว่างการต่อสู้เพื่อความอยู่รอดในปัจจุบัน และเหตุการณ์ในอดีตที่นำไปสู่การเดินทางที่อาภัพ เทคนิคนี้สร้างความตื่นเต้นได้อย่างดี และให้ความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของตัวละครคู่รักนี้

Shailene Woodley แสดงได้อย่างน่าทึ่งในฐานะแทมิ หญิงสาวที่มีความปรับตัวได้เก่งและมีไหวพริบที่ดีกับการเผชิญกับความท้าทายที่ไม่อาจจินตนาการได้ ภาพยนตร์เรื่องนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและความแข็งแกร่งภายในของตัวละครของเธอ ในขณะที่เธอล่องไปตามมหาสมุทรที่สงบและอันตรายพร้อมๆ กัน

Sam Claflin แสดงตัวละครให้เห็นออกมาอย่างจริงใจในบทริชาร์ด คู่รักล่องเรือของแทมิ เขานำเสน่ห์มาสู่ตัวละครทำให้ง่ายต่อการเข้าใจว่าทำไม แทมิถึงตกหลุมรักเขา เคมีของทั้งคู่บนหน้าจอนั้น สัมผัสถึงความรักได้ชัดเจน และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ทำหน้าที่เป็นแกนกลางทางอารมณ์ของภาพยนตร์เรื่องนี้ทั้งหมด

งานภาพที่ออกมานั้นถือว่าถ่ายทำออกมาได้ดีเลย แสดงภาพความกว้างใหญ่และสวยงามของมหาสมุทร ตลอดจนพลังอันน่าสะพรึงกลัวของพายุเฮอริเคน ผู้กำกับเลือกใช้ภาพอย่างช่ำชองเพื่อสร้างความรู้สึกโดดเดี่ยวและความเปราะบาง โดยเน้นย้ำถึงสถานการณ์ที่เหมือนจะรู้สึกสิ้นหวังของตัวละคร

แง่มุมที่น่าประทับใจในเรื่องนี้คือ ความมุ่งมั่นในการเล่าเรื่องตามเหตุการณ์จริง เพราะว่าภาพยนตร์เรื่องนี้อิงจากเหตุการณ์ในชีวิตจริง และพยายามถ่ายทอดเหตุการณ์อันน่าสะเทือนใจที่แทมิและริชาร์ดต้องเผชิญ มันเป็นข้อพิสูจน์ถึงความแข็งแกร่งของจิตวิญญาณและความอดทนที่จะอยู่รอดของมนุษย์

!!!Spoiler Alert!!!

ความพลิกผันของเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อมีการเฉลยว่าริชาร์ดนั้นไม่รอดชีวิต และแทมิเห็นภาพหลอนของแฟนหนุ่มตลอดการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดของเธอ หลังการเฉลยนี้ช่วยเพิ่มความซับซ้อนทางอารมณ์เข้าไปอีกชั้นให้กับเรื่องราว และเน้นให้เห็นถึงการปรับตัวอย่างมุ่งมั่นที่จะเอาตัวรอดให้ได้ แม้ว่าเธอจะสูญเสียคนรักไปด้วยความหดหู่ก็ตาม

การดำเนินเรื่องของภาพยนตร์ดำเนินไปอย่างดี ทำให้รู้สึกมีส่วนร่วมตั้งแต่ต้นจนจบ ในขณะที่บางคนอาจพบว่าการเล่าเรื่องแบบไม่เป็นเส้นตรงทำให้เกิดความสับสนเล็กน้อยในบางครั้ง ท้ายที่สุดแล้วจะเพิ่มความลึกและมีมิติให้กับการเล่าเรื่องดีกว่าเล่าเป็นเส้นตรง

โดยรวมแล้ว Adrift (รักเธอฝ่าเฮอร์ริเคน) เป็นภาพยนตร์แนวเอาชีวิตรอดที่มีเสน่ห์ ผสมผสานองค์ประกอบของความโรแมนติกและความลุ้นระทึกเข้าด้วยกัน ด้วยการแสดงที่โดดเด่นจากนักแสดงนำ และเรื่องราวจากเรื่องจริงที่น่าสนใจ ภาพยนตร์เรื่องนี้จะพาผู้ชมดำดิ่งสู่เรื่องราวแห่งความรักและการเอาชีวิตรอดจากอุปสรรคบนท้องทะเล คิดว่าเป็นสิ่งที่ต้องดูสำหรับแฟน ๆ ของภาพยนตร์ที่ชอบความโลดโผนทางอารมณ์

แสดงความคิดเห็น : Kitchen Rai

Your email address will not be published. Required fields are marked *