Skip to content

My War (Boku no Sensou): บทกวีของการต่อสู้เพื่ออัตลักษณ์ในสงครามครั้งสุดท้าย

เวลาที่ใช้อ่าน : 2 นาที

อนิเมะและมังงะเป็นที่รู้จักกันมานานแล้วในเรื่องที่มีประเด็นซับซ้อนและบีบคั้นทางอารมณ์ ตั้งแต่ความรักและความสูญเสียไปจนถึงแรงกดดันทางสังคม ที่จะเจาะลึกลงไปในภายใต้จิตใจของมนุษย์คืออนิเมะซีรีส์ Attack on Titan : ผ่าพิภพไททัน  ซึ่งตอนดูถึง Final Season Part I ก็พบกับเพลงเปิดที่โดนใจมากๆ ชื่อเพลงว่า “My War” (僕の戦争, “Boku no Sensō”)

Boku no Sensou แต่งโดยวง Shinsei Kamattechan วงเจ-ร็อคจากญี่ปุ่น เป็นเพลงที่พูดถึงหัวใจของการดิ้นรนที่ตัวละครใน Attack on Titan ที่ต้องเผชิญในเนื้อเรื่อง เพลงนี้ทรงพลังและสะเทือนอารมณ์ในธีมของตัวตน การอยู่รอด และการต่อสู้กับกองกำลังที่กดขี่

เมื่อเริ่มต้นเพลงได้กำหนดธีมของอัตลักษณ์ การอยู่รอด และการต่อต้านการกดขี่ที่เป็นหัวใจของ Attack on Titan “Let’s start a new life from the darkness / Until the light reveals the end,” (“เรามาเริ่มต้นชีวิตใหม่จากความมืดมิดกันเถอะ / จนกว่าแสงสว่างจะเผยให้เห็นจุดจบ”) เนื้อเพลงบอกเป็นนัยถึงความมุ่งมั่นที่จะฝ่าฟันความยากลำบากและความไม่แน่นอนของชีวิตในโลกที่โดนปิดล้อม ช่วงคอรัสของเพลงตอกย้ำความตั้งใจนี้ เมื่อเหล่าเทพและปีศาจที่เล่นกับชีวิตมนุษย์กลายเป็นสัญลักษณ์ของพลังที่ต้องเอาชนะ: “Destruction and regeneration / You are the real enemy.” (“การทำลายล้างและการเกิดใหม่ / คุณคือศัตรูที่แท้จริง”) ขณะที่ท่วงทำนองชวนหลอนเผยออกมา เนื้อเพลงกระตุ้นความรู้สึกของทั้งความกลัวและความกล้าหาญ เชื้อเชิญให้ผู้ฟังเข้าร่วมในการต่อสู้ร่วมกับศัตรูในเนื้อเรื่อง

เมื่อเพลงดำเนินไป จะเห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่แค่เพลงเกี่ยวกับสงครามเท่านั้น แต่ก็คิดได้ว่าเป็นการต่อสู้เพื่อตัวตนและการค้นพบตัวเองในโลกที่ดูเหมือนจะตั้งใจที่จะลบล้างความเป็นปัจเจกบุคคลออกไป: “Angels playing disguised with devil’s faces / Children cling to their coins squeezing out their wisdom / Angels planning disguised with devil’s faces / Children cling on to their very last coins.” (“นางฟ้าปลอมตัวเป็นปีศาจ / เด็กๆ ยึดติดกับเงินตราจนต้องเค้นปัญญาเพื่อมัน ยึดติดจนไม่ปล่อยแม้เหรียญสุดท้าย”)

เนื้อเพลงเหล่านี้โดนใจคนหนุ่มสาวจำนวนมากในทุกวันนี้ ซึ่งมักติดอยู่ในโลกที่ให้ความสำคัญกับการคล้อยตามและบริโภคนิยมมากกว่าการค้นพบตัวเองและการแสดงออก เพลงนี้มันกระตุ้นให้คนฟังต่อสู้กับแรงกดดันทางสังคมและยอมรับอัตลักษณ์เฉพาะของตนเอง

แต่ในบริบทของ Attack on Titan เนื้อเพลงเหล่านี้มีความเจ็บปวดเป็นพิเศษ เนื่องจากตัวละครไม่ได้แค่กำลังต่อสู้กับไททันอย่างเดียวเท่านั้น ที่ดูแล้วจะพบกับอุปสรรคอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สงครามครั้งสุดท้ายนี้เปรียบเสมือนเป็นตัวแทนของอุปสรรคสุดท้ายในการเอาชีวิตรอดของพวกเขา ให้เชื่อเสมอว่าพวกเขาสามารถเอาชนะได้แม้กระทั่งโอกาสที่เป็นไปไม่ได้

ส่วนภาคดนตรีนั้นเรียบเรียงออกมาได้ซับซ้อนหลากหลายอารมณ์ แต่ว่ามันออกมาไพเราะ มีความเป็นเจ-ร็อคที่ผสมผสานดนตรีคลาสสิคแบบซิมโฟนีพร้อมเมโลดี้ที่ติดหูมากเพลงนึงไม่แพ้เพลง Red Swan” ของ Yoshiki กับ Hyde จากซีซั่น 3 เลย Noko (นักร้องและผู้แต่งเพลง) บอกอีกว่าเพราะความไม่มั่นคงทางจิตใจเรื่องจากผลกระทบของ Covid-19 ในช่วงนั้น ส่งผลให้ออกมาเป็นเพลงนี้เช่นกัน แนะนำให้ฟังเวอร์ชั่นเต็ม 4:40 นะครับ จะรู้สึกเต็มอิ่มมากกว่าเวอร์ชั่น TV

และภาพหน้าปกของซิงเกิล “My War” (Boku no Sensō) ที่ออกในปี 2021 เป็นเด็กผู้หญิงที่ดูคล้าย ‘กาบิ บราวน์’ สวมชุดนักเรียนและถือปืนไรเฟิลกลางห้องเรียน นั้นวาดโดย Hajime Isayama ผู้สร้าง Attack on Titan จากมังงะ ซึ่งเค้าบอกว่าดีใจมากๆ ที่เพลงนี้เป็นเพลงเปิดไฟน่อลซีซั่น เพราะว่าเค้านั้นเป็นเพลงแฟนตัวยงของวง Shinsei Kamattechan

ที่มา : shingeki.tv, japansociety.org.uk, theguardian.com, psychologytoday.com, wikipedia.org

แสดงความคิดเห็น : Kitchen Rai

Your email address will not be published. Required fields are marked *