Skip to content

[รีวิว] The Mist : มฤตยูหมอกกินมนุษย์ (2007)

เวลาที่ใช้อ่าน : 2 นาที

“The Mist” มฤตยูหมอกกินมนุษย์ เป็นภาพยนตร์สยองขวัญที่สร้างจากนวนิยายชื่อเดียวกันของสตีเฟน คิง ที่เล่าเรื่องราวของเมืองเล็กๆ ในรัฐเมนที่ถูกปกคลุมด้วยหมอกหนา กลุ่มคนกลุ่มหนึ่งติดอยู่ในซุปเปอร์มาร์เก็ตของเมือง ขณะที่พวกเขาเริ่มต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด ก็เริ่มตระหนักว่า ไม่ใช่แค่หมอกที่ต้องเผชิญกับความน่าสะพรึง แต่ยังมีเรื่องธรรมชาติที่น่ากลัวและรุนแรงภายในจิตใจของมนุษย์รวมมาอยู่ด้วย หนังออกในปี 2007 จะมีพล็อตคล้ายๆ กันก่อนหน้านี้อยู่ เช่น The Fog (1980), The Stand (1994), Night of the Living Dead (1968) เป็นต้น

ส่วนดีของภาพยนตร์เรื่องนี้ถือว่าเป็นระดับชั้นเซียนเรื่องนึงที่เล่นกับภาวะจิตที่ไม่แน่นอน โดยความตึงเครียดที่อยู่เบื้องหลังที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้น เมื่อตัวละครเริ่มรู้สึกสิ้นหวังและหวาดระแวงกันมากขึ้น ส่วนของสเปเชียลเอฟเฟ็กต์ก็ถือว่ารับได้ และตัวหมอกที่ปกคลุมรู้สึกว่าเป็นพลังที่น่ากลัวและสัมผัสได้ว่ามีอยู่จริง

โดยแก่นของเรื่องนั้น เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความมืดในจิตใจที่แฝงตัวอยู่ในตัวเราทุกคน หมอกทำหน้าที่เป็นอุปมาอุปไมยถึงสิ่งที่ไม่รู้จักและความกลัวที่มาพร้อมกับมัน ในขณะที่ผู้คนที่ติดอยู่ในซุปเปอร์มาร์เก็ตเป็นตัวแทนของธรรมชาติของมนุษย์ในแง่มุมต่างๆ กัน

เมื่อถึงจุดที่สถานการณ์เลวร้ายมากขึ้น ตัวละครต่างๆ ก็เริ่มแบ่งฝักแบ่งฝ่ายกัน ซึ่งเผยให้เห็นความกลัวและสิ่งที่ลึกในจิตใจที่สุดของพวกเขา เช่น ตัวละคร คุณนายคาร์โมดี้(Mrs.Carmody) เปรียบเสมือนตัวแทนผู้คลั่งไคล้ในศาสนา ถูกครอบงำด้วยความเชื่อและหันไปใช้ความรุนแรงในนามของความชอบธรรม ส่วนอีกตัวละครอย่าง เดวิด เดรย์ตัน( David Drayton) พยายามดิ้นรนเพื่อรักษาความเป็นมนุษย์ท่ามกลางความโหดร้ายที่กำลังก่อตัวรุนแรงขึ้นแบบนาทีต่อนาที ก่อนที่นำไปสู่ตอนจบของภาพยนตร์ที่โคตรจะสะเทือนใจเป็นอย่างมาก ชี้ให้เห็นว่าบางครั้งสัตว์ประหลาดที่เลวร้ายที่สุดก็ไม่ใช่สัตว์ประหลาดในหมอกร้ายอย่างเดียว แต่เป็นสัตว์ประหลาดที่อยู่ในตัวมนุษย์เราด้วยเช่นกัน

การตัดสินใจในตอนท้ายของเดวิด?

คิดว่าเรื่องนี้เป็นตอนจบที่โหดร้ายกับผู้ชมเรื่องนึงเลยก็ว่าได้ เพราะการตัดสินใจของเดวิดทำให้เกิดการโต้แย้งและกระตุ้นทางความคิดอย่างเป็นอย่างมาก เหล่าผู้ชมและนักวิจารณ์ต่างก็ถกเถียงกันถึงประเด็นนี้ การตัดสินใจทำให้ตอนจบไม่เหมือนหนังฮอลลีวูดทั่วไป ทำให้เกิดคำถามทางจริยธรรมและศีลธรรมตามมามากมาย

ในแง่หนึ่ง ผู้ชมบางคนอาจมองว่าการตัดสินใจของเดวิดเป็นการกระทำที่เห็นแก่ตัวและขี้ขลาด แต่อีกมุมนึงอาจมองว่าเป็นการเสียสละอย่างกล้าหาญและเสียสละเพื่อสิ่งที่ดีกว่า ซึ่งการตัดสินใจที่เกี่ยวข้องกับความซับซ้อนตามธรรมชาติในจิตใจในสภาวะแบบนั้นในมนุษย์ บางทีก็เป็นการเลือกที่ยากลำบากอยู่เหมือนกัน

หากลองในมุมมองทางศีลธรรม การตัดสินใจของเดวิดก็สามารถมองได้ว่าเป็นการปฏิเสธความรุนแรงและจะไม่ยอมพ่ายแพ้ต่อความกลัว ที่เค้ามองเห็นในตัวละครคนอื่นๆ นอกจากนี้ ก็ยังสามารถคิดได้ว่าเป็นการแสดงความรักและความเห็นอกเห็นใจต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ความพยายามที่จะช่วยเหลือให้ผ่านพ้นจากความน่ากลัวของหมอกร้าย แม้ว่าบางครั้งจะรู้สึกดูผิดธรรมชาติของมนุษย์ที่รักตัวกลัวตาย จะยอมสู้จนถึงที่สุด

แต่ในหนังนั้นเล่าถึงภาพและทุกคนนั้นยอมรับความพ่ายแพ้ร่วมกันทั้งหมด โดยไม่มีใครขัดขืน แต่อาจจะยกเว้นลูกชายของเดวิดคนเดียว ที่ไม่มีวุฒิภาวะพอในการเลือกครั้งนี้ได้

การเล่นกับความเชื่อในหนังของ Frank Darabont

Frank Darabont ผู้กำกับเรื่องนี้นั้น มักจะใส่ประเด็นทางความเชื่อของพระเจ้าและศาสนาในภาพยนตร์ของเขาโดยเฉพาะเรื่อง “The Green Mile” และ “The Shawshank Redemption” ที่เกี่ยวข้องกับประเด็นการลงโทษ การไถ่บาป และบทบาทของพระเจ้าที่กระทำต่อชะตากรรมของมนุษย์นั้น  พอมาถึงเรื่อง “The Mist” ก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน

จากภาพยนตร์ของแฟรงค์ที่เอ่ยมา มีความคลุมเครือทางศีลธรรมและตระหนักให้เห็นว่า ชีวิตนั้นบางทีก็ไม่ยุติธรรมและคาดเดาไม่ได้ แม้ว่าภาพยนตร์อาจเสนอความเชื่อในการแทรกแซงหรือการลงโทษจากสวรรค์ แต่พวกตัวเขาเองก็ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของสิทธิ์เสรีภาพของมนุษย์ และความสามารถในการเลือกทางเดินด้วยตนเองควบคู่กันไป

ดังที่กล่าวไว้ ผู้ชมบางคนอาจคิดว่าหนังของแฟรงค์ ดาราบอนต์เน้นที่เรื่องการลงโทษและการไถ่โทษ และดูเหมือนเป็นการลงโทษจากพระเจ้าแบบหนักมือไปหน่อยก็ตาม แต่หนังของเค้าก็ให้แง่คิดที่เกี่ยวกับชีวิตและความเชื่อในจิตใจมนุษย์เป็นอย่างดีเหมือนกัน

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับ “The Mist” และ “The Walking Dead”

  • หลังจากที่แฟรงค์ ดาราบอนต์กำกับ The Mist ในปี 2007 เสร็จ เรื่องถัดไปของเค้าก็เป็น ทีวีซีรี่ย์ซอมบี้ชื่อดัง The Walking Dead โดยเค้านั้นเป็นผู้สร้าง (Creator) และกำกับกับพร้อมเขียนบทประเดิมให้ใน S1.E1 “Days Gone Bye” (2010)
  • Laurie Holden(ลอรี โฮลเดน) ผู้รับบทแอนเดรียใน “The Walking Dead” ในเรื่อง “The Mist” เธอรับบท Amanda Dunfrey
  • นักแสดงหลายคนจาก “The Mist” ก็ปรากฏตัวใน “The Walking Dead” ด้วย เช่น Jeffrey DeMunn ในบทลุงเดล(Dale Horvarth), Melissa McBride ในบทป้าแครอลคนเก่ง (Carol Peletier)  และ Juan Gabriel Pareja ในบท Morales แม้ใช้ชื่อตัวละครนี้ทั้ง 2 เรื่อง  แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องกันและกัน
  • “The Mist” และ “The Walking Dead” ต่างก็มีธีมของการเอาชีวิตรอดในสถานการณ์ที่ขับขัน เช่นเดียวกับจิตใจของมนุษย์ที่อยู่ภายใต้การกดดัน

สามารถดู The Mist (2007) มฤตยูหมอกกินมนุษย์ ได้ใน NETFLIX นะครับ ซึ่งเรื่องนี้มีซีรี่ย์ของ NETFLIX ในชื่อเดียวกันคือ The Mist (2017) มี 10 ตอน แม้ว่าจะแชร์โครงเรื่องกัน แต่เนื้อเรื่องนั้นต่างกันสิ้นเชิง และซีรี่ย์นี้ทำไปได้แค่ซีซันเดียวก็ไม่ได้ทำต่อแล้ว คำวิจารณ์ไม่ค่อยสู้ดีนัก

แสดงความคิดเห็น : Kitchen Rai

Your email address will not be published. Required fields are marked *