Skip to content

[รีวิว] Breaking Bad : ดับเครื่องชน คนดีแตก (2008-2013)

เวลาที่ใช้อ่าน : 2 นาที

Breaking Bad เป็นซีรีส์ที่มาเริ่มดูช่วงปี 2017 เกือบๆ สิบปีหลังที่ EP แรกนั้นได้ออกฉายเลย แต่ก็โชคดีที่ไม่เคยรู้เรื่องหรืออ่านสปอยล์มาจากไหนมาก่อน แม้แต่มีมก็ไม่เคยเห็นจริงๆ เคยเห็นแต่หน้า Walter White ที่เพจ CSI LA ใช้เป็นรูปโปร์ไฟล์ แต่ที่เห็นตอนนั้นก็นึกว่ามาจากเกมส์ HALF LIFE อีกซะงั้น

พอเริ่มเปิดแค่ EP แรก “Pilot” ก็โดนตกทันที เริ่มมาก็ตื่นเต้นระทึกแล้ว แถมการดำเนินเรื่องค่อยๆ บิ้วท์จากเล็กไปใหญ่ มีดีเทลเล็กๆ น้อยๆ แทรกอยู่ตลอดเรื่อง นับว่าเป็นงานที่พิธีพิถันของผู้สร้างและผู้กำกับจริงๆ ไม่แปลกใจเลยว่า ซีรี่ย์นี้ถึงขึ้นหิ้งในใจของหลายๆ คน

Walter White (Bryan Cranston) – Breaking Bad_Season 1, Episode 1_”PIlot” – Photo Credit: Doug Hyun/AMC

โดยเนื้อเรื่องจะเล่าเรื่องราวของ “วอลเตอร์ ไวท์” ครูสอนวิชาเคมีในโรงเรียนมัธยมปลาย ชีวิตเริ่มไม่ค่อยคงที่ หลังจากรู้ว่าเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย มีเมียที่ผู้หญิ๊ง ผู้หญิงแถมท้องแก่ใกล้คลอดอีก ลูกชายวัยรุ่นที่ภาวะสมองพิการเดินเหินลำบาก ผู้ไม่ค่อยชัด สภาวะรายได้ของครอบครัวเริ่มมีปัญหา ก็เลยผันตัวเข้าสู่ชีวิตอาชญากรในฐานะผู้ผลิตเมทแอมเฟตามีน (ยาไอซ์) ใช้ความเชี่ยวชาญทางด้านเคมีเป็นตัวช่วย โดยมีลูกมือ “เจสซี่ พิ้งค์แมน” ที่อยู่ในวงการมาก่อน แถมยังเป็นอดีตลูกศิษย์อีกต่างหาก มาคอยเปิดโลกอีกด้านที่วอลเตอร์ ไวท์ ไม่เคยรู้จักมาก่อน จากนั้นเราจะได้เห็นพัฒนาการของตัวละครไปสู่ความ “คนดีแตก” ของเรื่องนี้

Breaking Bad เป็นซีรรี่ย์ที่ควรค่าแก่การชมเป็นอย่างยิ่ง มีเรื่องราวที่น่าติดตาม ตัวละครที่ซับซ้อนมีพัฒนาจนไปถึงช่วงสุดท้ายอย่างดี และการงานภาพก็ดีเรื่องนึงเลย ซีรีส์นี้เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบละครแนวอาชญากรรม ตลกร้าย และตัวละครที่ซับซ้อนดูเทาๆดำๆ

ซีรี่ย์มีทั้งหมด 5 ซีซั่น โดยจะสรุปเนื้อเรื่องคร่าวๆ ประมาณนี้ครับ

ซีซัน 1: ซีซันแรกแนะนำให้เรารู้จักกับวอลเตอร์ ไวท์ ครูสอนวิชาเคมีระดับมัธยมปลายผู้ดิ้นรนหนีความตาย, รายได้, ครอบครัว ซึ่งเหมือนจะเป็นจุดจบของเค้าเลยทีเดียว เลยตัดสินใจใช้ความรู้ด้านเคมีเพื่อเริ่มผลิตยาไอซ์บริสุทธิ์ที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อนออกขาย เพื่อหาเงินมาให้ครอบครัวได้อยู่สบาย หากเค้าไม่สามารถรอดจากโรคร้ายนี้ได้

ซีซั่น 2: เรื่องจะพาเราให้เห็นอาณาจักรของวอลเตอร์เริ่มเติบโตขึ้น แต่อันตรายและผลที่ตามมาจากการกระทำของเขาก็โตขึ้นเช่นกัน นอกจากนี้เขายังเริ่มที่จะโหดเหี้ยมมากขึ้นและทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องอาณาจักรของเขา

ซีซัน 3: จะได้เห็นเดิมพันที่สูงขึ้น เมื่อน้องเขยของวอลเตอร์ ไวท์ “แฮงค์ ชเรเดอร์” ที่เป็น ปปส. หรือ DEA ที่มีนิสัยสืบเสาะเก่งและกัดไม่ปล่อย เริ่มสืบหาอาณาจักรไฮเซนเบิร์กของวอลเตอร์ ไวท์ และเริ่มเข้าใกล้ถึงตัว “เจสซี่ พิ้งค์แมน” นอกจากรับมือเรื่องนี้ยังไม่พอ ยังต้องเผชิญหน้ารับมือกับกับเจ้าพ่อยาที่มีอำนาจอย่างมากในเมือง ทับไลน์เป็นศัตรูทางการค้าโดยตรง

ฤดูกาลที่ 4: อาณาจักรของวอลเตอร์ถูกคุกคามรุนแรงมากขึ้น มันชักไปกันใหญ่เกินเป้าหมายที่วางไว้ตั้งแต่ซีซั่นแรก การใช้ชีวิตอาชญากรได้ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์รอบข้างและจิตใจของเขาเอง

ซีซัน 5: ซีซันสุดท้าย เป็นบทสรุปของกระทำในอดีตของวอลเตอร์ ไวท์ และเขาถูกบังคับให้เผชิญหน้ากับผลที่ตามมาจากการเลือกเดินเส้นทางนี้อย่างเลือกไม่ได้ เค้าต้องยืนหยัดต่อสู้ครั้งสุดท้ายเพื่อรักษาอนาคตของครอบครัวไว้ให้ได้

จากที่สรุปเนื้อเรื่องมา จะเห็นได้ว่าเรื่องจะค่อยๆ พัฒนาแบบ “ไปกันใหญ่” เหมือนขึ้นหลังเสือแล้วลงไม่ได้เพราะด้วยข้ออ้าง หรือ อีโก้อะไรก็แล้วแต่ นั่นเป็นเรื่องเนื้อที่ชวนระทึกและให้ติดตาม ในบางครั้งอาจจะรู้สึกตรงกันข้ามกับความที่ว่า “”ระทึก” แต่เป็นการดำเนินเรื่องแบบเนิบๆ แทนตลอดทั้งซีรี่ย์ แต่นั่นมันก็เป็นลายเซ็นของซีรี่ย์เรื่องนี้ เคยคุยกับเพื่อน 2 – 3 คนว่าดูแล้วไม่ชอบ แต่บางคนที่ชอบก็น่าจะชอบแบบเข้าเส้นไปเลย ส่วนตัวแนะนำให้ดูไปเรื่อยๆ มันไม่ใช่หนังแอ็คชั่นขนาดนั้น มันเหมาะกับคนที่ชอบดูพัฒนาการของตัวละครและกิมมิคเล็กๆ แต่มันสำคัญที่ใส่มาไว้อย่างตั้งใจนั่นแหละครับ


แสดงความคิดเห็น : Kitchen Rai

Your email address will not be published. Required fields are marked *