ในปี 1979 โลกกำลังเปลี่ยนผ่านอย่างไม่รู้ตัว เสียงซินธ์สังเคราะห์เริ่มแทรกเข้ามาแทนเสียงกีตาร์ที่เคยเป็นรากของร็อก แผ่นเสียงไวนิลยังครองตลาด แต่เทปคาสเซ็ตกำลังเติบโต และวิดีโอเทปเริ่มเข้ามาเป็นของใช้ในบ้าน “Video Killed the Radio Star” ของ The Buggles ถือกำเนิดขึ้นในห้วงเวลานั้น — มันไม่ใช่แค่เพลงป็อป แต่เป็น “คำพยากรณ์แห่งศตวรรษที่ 20” ที่ถูกซ่อนในเมโลดี้นุ่มนวลและท่อนร้องติดหูเพลงนี้คือการประกาศถึงการตายของ “ยุควิทยุ” ที่โรแมนติกและอบอุ่น และการกำเนิดของ “ยุควิดีโอ” ที่ฉูดฉาดเยือกเย็น เสียงของ Trevor Horn และ Geoff Downes สองสมาชิกแห่ง The Buggles ไม่ได้เพียงบันทึกเสียงเพลง แต่เหมือนบันทึก “อารมณ์ของการสูญเสียและการเริ่มต้น” เอาไว้ในจังหวะเดียวกัน
จากเสียงทดลองในห้องสตูดิโอสู่วิทยุทั่วโลก
Trevor Horn เคยเป็นโปรดิวเซอร์ที่หมกมุ่นกับการสร้าง “อนาคตของเสียง” เขาและ Geoff Downes เริ่มต้น The Buggles ในปี 1977 ในลอนดอน โดยได้แรงบันดาลใจจากความกลัวที่เทคโนโลยีกำลังจะกลืนมนุษย์ เพลงนี้เกิดขึ้นจากคำถามง่ายๆ ที่ว่า “ถ้าวันหนึ่งศิลปินที่เคยโด่งดังทางวิทยุ ต้องมองเห็นตัวเองถูกลืมเพราะโทรทัศน์ — เขาจะรู้สึกอย่างไร?”

Trevor เล่าว่า เขาเห็นเด็กยุคใหม่หมกมุ่นอยู่กับภาพมากกว่าเสียง เพลงที่เคยต้องใช้จินตนาการในการ “เห็น” ศิลปิน กลายเป็นเพียง “ภาพที่เห็นได้จริง” บนหน้าจอ — และเสน่ห์บางอย่างของเสียงที่เคยสร้างภาพในใจคนฟังจึงเริ่มจางหายไป
พวกเขาอัดเพลงนี้ในสตูดิโอ Sarm East Studio ในลอนดอน โดยใช้เครื่องมือใหม่อย่าง Prophet-5 synthesizer และ Drum Machine ซึ่งในเวลานั้นถือว่าไฮเทคสุดขีด เสียงซินธ์ที่ก้องกังวานเหมือนคลื่นอิเล็กทรอนิกส์พาดผ่านเวลา ทำให้เพลงนี้เหมือนทั้ง “เพลงรัก” และ “บทไว้อาลัย” ในเวลาเดียวกัน
MTV: วันแรกที่ภาพฆ่าเสียงจริง ๆ
เวลา 00:01 น. ของวันที่ 1 สิงหาคม 1981 หน้าจอโทรทัศน์ในอเมริกาเหนือฉายภาพนักบินอวกาศยกธง MTV ขึ้นสู่ดวงจันทร์ เสียงเปิดช่องตามมาด้วยวิดีโอเพลงแรกในประวัติศาสตร์โทรทัศน์ดนตรี — Video Killed the Radio Star
วินาทีนั้น โลกของเพลงเปลี่ยนไปตลอดกาล

ไม่มีเพลงใดเหมาะกว่านี้อีกแล้วสำหรับการเปิดยุคใหม่ เพลงที่พูดถึงการมาของเทคโนโลยีวิดีโอและการสิ้นสุดของยุควิทยุ กลายเป็นเพลงเปิดประตูให้ “ยุควิดีโอ” เข้าครองวงการเพลงไปอีกกว่าสามทศวรรษเต็ม และนั่นคือจุดเริ่มต้นของศิลปินรุ่นต่อมาอย่าง Madonna, Michael Jackson, Duran Duran และอีกนับไม่ถ้วน
กระทั่งในเดือนตุลาคมปี 2025 — ผ่านมาเกือบครึ่งศตวรรษหลังจากเพลงนั้นดังขึ้น MTV ได้ประกาศ ยุติการออกอากาศช่องหลักอย่างเป็นทางการ ปิดฉากยุคแห่งมิวสิกวิดีโอที่ครั้งหนึ่งเคยเปลี่ยนโลก เหลือไว้เพียงความทรงจำและสัญลักษณ์ของยุคที่ภาพเคย “ฆ่า” เสียงจริง ๆ
และเมื่อเราหวนกลับมาฟังเพลงนี้ในวันนี้ — เสียงร้องของ Trevor Horn ดูจะย้อนกลับมาทำหน้าที่เดิมอีกครั้ง คือเตือนเราว่า ไม่มีเทคโนโลยีใดอมตะ โลกหมุนต่อไป และสิ่งที่เราคิดว่าทรงพลังที่สุดในวันนี้ อาจกลายเป็นเพียง “เสียงจางๆ” ของอดีตในวันหน้า
ความหมายที่ซ่อนอยู่: ไม่ใช่การฆ่า แต่คือวิวัฒนาการของศิลปะ
แม้ชื่อเพลงจะพูดถึง “การฆ่า” แต่ในแก่นแท้ เพลงนี้ไม่ได้โทษวิดีโอหรือเทคโนโลยีเลย มันคือการพูดถึง “การเปลี่ยนแปลง” ที่หลีกไม่พ้น เหมือนเสียงลมหายใจของโลกที่หมุนไปในทิศทางใหม่
Trevor Horn เคยบอกไว้ว่า “มันไม่ใช่เพลงที่โศกเศร้า แต่มันคือเพลงที่เล่าถึงความทรงจำในอดีต” — ราวกับคนยุคหนึ่งกำลังมองดูโลกใหม่ที่สวยงามแต่แปลกหน้า

เสียงร้องผู้หญิงที่ตอบรับในเพลง (“Oh-a oh”) เปรียบเสมือนเสียงของเทคโนโลยีที่ล่อลวงและเรียกศิลปินให้ออกจากโลกเก่า เสียงของเธอทั้งเย้ายวนและเย็นชา เหมือนหน้าจอที่ส่องแสงในห้องมืด
เพลงนี้จึงไม่ได้เป็นเพียงการบันทึกการเปลี่ยนผ่านของวงการดนตรี แต่มันคือ “อุปลักษณ์แห่งยุคสมัย” ที่สะท้อนทุกสิ่งในศิลปะ — ทุกครั้งที่มีสิ่งใหม่ถือกำเนิด สิ่งเก่าก็ต้องตายไป
ความเป็นอมตะของเพลงที่พูดเรื่องความไม่อมตะ
“Video Killed the Radio Star” คือหนึ่งในไม่กี่เพลงที่ “พูดถึงการสูญสิ้นของยุค” แล้วกลับกลายเป็นอมตะเสียเอง มันไม่ใช่เพลงที่คนรุ่นใหม่จำเพราะเสียงเพราะ แต่เพราะมันคือ “เรื่องเล่า” ที่บอกถึงการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมอย่างแท้จริง
เมื่อ MTV ปิดตัวลงในปี 2025 เหมือนบทกวีที่ปิดฉากด้วยบรรทัดสุดท้ายที่ย้อนกลับมาเชื่อมกับบรรทัดแรก เพลงนี้ก็กลายเป็นสัญลักษณ์ของ “วงจรศิลปะ” — ที่เริ่มด้วยเสียง และจบลงด้วยความเงียบ
บทส่งท้าย: เสียงสุดท้ายในจักรวาลแห่งภาพ
วันนี้เมื่อเราเปิดเพลงนี้ฟังผ่าน Spotify หรือ YouTube มันไม่ได้เป็นแค่เพลงเก่าจากยุค ’80 อีกต่อไป แต่มันคือ “คำรำลึกของมนุษย์ต่อยุคสมัยที่ผ่านพ้น” — ยุคที่เราเคยหลับตาเพื่อฟัง แต่วันนี้เราลืมตาเพื่อดู
เสียงซินธ์ที่เคยเป็นสัญลักษณ์ของอนาคต กลับกลายเป็นเสียงแห่งอดีต และวิดีโอที่เคยฆ่าวิทยุ ก็ถูกฆ่าโดยอินเทอร์เน็ตอีกทอดหนึ่ง
แต่สิ่งที่ไม่เคยตายเลย — คือ “ความคิดถึง” ที่ยังคงมีชีวิตอยู่ในทุกครั้งที่เสียง “Oh-a oh” ดังขึ้นอีกครั้ง
แปลเนื้อเพลง “Video Killed the Radio Star”
I heard you on the wireless back in ’52 | ฉันได้ยินเสียงเธอจากวิทยุตั้งแต่ปี ’52
Lying awake, intent at tuning in on you | ฉันนอนไม่หลับ ตั้งใจฟังเสียงของเธออยู่ในคลื่นนั้น
If I was young, it didn’t stop you coming through | แม้ฉันยังเด็ก แต่ก็ไม่อาจขวางเสียงเธอไม่ให้มาถึงได้
Oh-a oh | โอ้ อา โอ
They took the credit for your second symphony | พวกเขาได้ชื่อเสียงจากซิมโฟนีบทที่สองของเธอ
Rewritten by machine on new technology | เขียนมันใหม่ด้วยเครื่องจักรและเทคโนโลยี
And now I understand the problems you can see | และตอนนี้ฉันเข้าใจแล้ว ว่าเธอเห็นปัญหาอะไรอยู่
Oh-a oh | โอ้ อา โอ
I met your children | ฉันได้พบลูกหลานของเธอ
What did you tell them? | เธอบอกพวกเขาว่ายังไงนะ?
Video killed the radio star | วิดีโอได้ฆ่าดาวแห่งวิทยุไปแล้ว
Video killed the radio star | วิดีโอได้ฆ่าดาวแห่งวิทยุไปแล้ว
Pictures came and broke your heart | ภาพที่มาปรากฏได้ทำลายหัวใจของเธอ
Oh-a-a-a oh | โอ้ อา อา อา โอ
And now we meet in an abandoned studio | ตอนนี้เรามาเจอกันอีกในสตูดิโอร้าง
We hear the playback and it seems so long ago | เราได้ยินเสียงบันทึกเก่า มันเหมือนเรื่องเมื่อหลายชั่วอายุ
And you remember the jingles used to go | และเธอจำจิงเกิลเก่าๆ ที่เคยดังได้
Oh-a oh | โอ้ อา โอ
You were the first one | เธอคือคนแรก
You were the last one | และเธอคือคนสุดท้าย
Video killed the radio star | วิดีโอได้ฆ่าดาวแห่งวิทยุไปแล้ว
Video killed the radio star | วิดีโอได้ฆ่าดาวแห่งวิทยุไปแล้ว
In my mind and in my car | ทั้งในใจฉันและในรถของฉัน
We can’t rewind, we’ve gone too far | เราไม่อาจย้อนกลับไปได้อีก มันเลยมาไกลเกินไปแล้ว
Pictures came and broke your heart | ภาพที่มาปรากฏได้ทำลายหัวใจของเธอ
Put the blame on VTR | และโทษทั้งหมดนั้นตกอยู่กับเครื่องวิดีโอเทป
You are a radio star | เธอคือดาวแห่งวิทยุ
Video killed the radio star | แต่วิดีโอได้ฆ่าดาวแห่งวิทยุไปแล้ว
Video killed the radio star | วิดีโอได้ฆ่าดาวแห่งวิทยุไปแล้ว

อยากจะเขียนอะไรก็เขียนอ่ะครับ แต่มีผู้ช่วยเขียนเป็น A.I. หากเขียนผิดหรือตกหล่นไปก็ขออภัยล่วงหน้านะครับ