Skip to content

[รีวิว] All Quiet on the Western Front : แนวรบด้านตะวันตก เหตุการณ์ไม่เปลี่ยนแปลง (2022) | สงครามที่พรากทุกอย่าง ยกเว้นความจริง

เวลาที่ใช้อ่าน : < 1 นาที

All Quiet on the Western Front ไม่ใช่หนังสงครามเรื่องใหม่ หากแต่เป็นการตีความใหม่ของนวนิยายเยอรมันคลาสสิกชื่อเดียวกัน เขียนโดย Erich Maria Remarque ซึ่งเป็นอดีตทหารผ่านศึกสงครามโลกครั้งที่ 1 สิ่งที่เยอรมันเลือกเล่าในเวอร์ชันนี้จึงไม่ใช่เรื่องของ “ชัยชนะ” แต่เป็น “ความพังทลายของมนุษย์”

ประเทศที่เคยถูกตราหน้าว่าเป็นต้นเหตุของสงครามโลก กลับเลือกถ่ายทอดเรื่องราวจากมุมของเด็กหนุ่มเยอรมันธรรมดาคนหนึ่ง ผู้ที่เข้าสู่สนามรบด้วยความหวังอันงดงาม แต่จบลงด้วยการไร้ซึ่งศรัทธาในมนุษยชาติ จุดยืนนี้ของภาพยนตร์ คือการยืนยันว่า ความสูญเสียของมนุษย์ไม่มีข้าง และการล้างบาปของประวัติศาสตร์ไม่อาจใช้คำว่าชาติหรืออุดมการณ์มาปิดแผลได้อีก

การดำเนินเรื่องที่เฉียบคม และทำไมถึงคว้าออสการ์

ภาพยนตร์กำกับโดย Edward Berger นี้ถ่ายทอดสงครามในเชิง “ประสบการณ์” มากกว่าข้อเท็จจริงหรือชัยภูมิทางการทหาร ด้วยจังหวะภาพที่เย็นเยือก เพลงประกอบที่โหมหนักเหมือนหัวใจจะระเบิด และการถ่ายภาพที่เน้นแสดงผิวเนื้อ ความสั่นไหว และดินโคลนในสนามเพลาะ — ทำให้ผู้ชมไม่ได้แค่มองดูสงคราม แต่ “อยู่ในนั้น”

การได้รางวัลออสการ์ถึง 4 สาขา รวมทั้ง Best International Feature Film และ Best Cinematography ไม่ใช่เพราะหนังเล่าดีเท่านั้น แต่เพราะมันทำให้ “ความน่ากลัวของสงคราม” กลายเป็นสิ่งที่สัมผัสได้อย่างเป็นรูปธรรม

อีกความน่าสนใจ คือการสอดแทรกเส้นเรื่องของการเจรจาสงบศึก ที่คู่ขนานกับชีวิตทหารหนุ่มในสนามรบ ซึ่งทำให้เห็นว่าคนที่ตัดสินว่าจะมีหรือไม่มีสงคราม ไม่เคยอยู่ตรงแนวหน้า และนั่นคือการตั้งคำถามที่คมที่สุดของหนังเรื่องนี้

เรื่องราวของพอล เบาเมอร์: จากวัยหนุ่มผู้ฝันไกล สู่ซากศพที่ไร้ชื่อ

Paul Bäumer คือวัยรุ่นเยอรมันธรรมดาคนหนึ่ง ที่สมัครเข้าร่วมสงครามด้วยแรงปลุกเร้าทางชาติพันธุ์และความฝันในเกียรติยศ เขากับเพื่อนๆ หัวเราะ เฮฮา และตั้งใจจะกลับบ้านพร้อมเหรียญกล้าหาญ

แต่เมื่อเวลาผ่านไปในสนามเพลาะ ความฝันก็ค่อยๆ สลาย พอลมองเพื่อนตายไปทีละคน — บางคนตายในพริบตา บางคนตายอย่างช้าๆ และเจ็บปวด ในที่สุด พอลกลายเป็นคนเงียบขรึม เยือกเย็น และชาชินต่อความตาย จนกระทั่งเขาเองก็สิ้นใจ ในวันที่สัญญาสงบศึกกำลังจะมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ

ภาพสุดท้ายของหนัง — ร่างของพอลที่ทอดตัวไร้ลมหายใจ ท่ามกลางเสียงนกและทุ่งหญ้าที่ดูสงบ — คือบทสรุปอันเจ็บปวดที่ว่า สงครามไม่มีวัน “ชนะ” มีแต่ความสูญเสียที่ไม่มีใครพูดถึง

เราได้อะไรจากการดูหนังเรื่องนี้

All Quiet on the Western Front ไม่ใช่หนังสงครามสำหรับความมันหรือฮึกเหิม แต่คือบทกวีเย็นเยียบแห่งการตั้งคำถาม หนังไม่ได้ให้คำตอบว่าทำไมสงครามถึงเกิดขึ้น แต่มันถามกลับว่า เราจะยอมให้สงครามพรากเด็กหนุ่มไปอีกกี่รุ่น?

เราจะเลือกหลอกตัวเองอีกนานแค่ไหนว่า “ฝั่งเรา” เป็นผู้ถูกต้อง?

หนังเรื่องนี้เตือนใจว่า ภายใต้เครื่องแบบและธงชาติ ทุกคนคือมนุษย์ — และในสนามรบ ไม่มีใครรอดจากการสูญเสีย แม้แต่คนที่ยังมีลมหายใจ

แสดงความคิดเห็น : Kitchen Rai

Your email address will not be published. Required fields are marked *


Optimized by Optimole