Skip to content

[รีวิว] เดอะ สโตน พระแท้ คนเก๊ : The Stone (2025) | งานเปิดตัวสุดประทับใจจาก เป้-อารักษ์

เวลาที่ใช้อ่าน : 2 นาที

ส่วนตัวแล้ว ผมเชื่อใน taste ของ เป้–อารักษ์ มานาน ทั้งจากงานเพลง ความคิด และมุมมองในเรื่องต่างๆ พอรู้ว่าเขาจะกำกับหนังยาวเรื่องแรก ก็รู้สึกมั่นใจเลยว่า “ต้องออกมาดีแน่ๆ”

แล้วมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ
พระแท้ คนเก๊ กลายเป็นหนังไทยอีกเรื่องที่ “เอาอยู่” ตั้งแต่ต้นจนจบ

ผมได้ดูใน Netflix เมื่อวานนี้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ดูตัวอย่างผ่านๆ แล้วรู้สึกว่า “น่าดูนะ แต่กลัวจะผิดหวัง”
ก็เลยพลาดดูในโรงไป สุดท้ายกลับรู้สึกเสียดายด้วยซ้ำที่ไม่ได้สัมผัสบรรยากาศในโรง

พระเครื่องไม่ใช่แค่ของเก่า แต่เป็นสนามอารมณ์

เนื้อเรื่องดูเหมือนง่ายๆ พล็อตหลักมีอยู่ไม่เยอะ:
เอก (เจ้านาย–จินเจษฎ์) หนุ่มธรรมดาๆ ได้ครอบครอง พระสมเด็จฯ ที่เป็นเหมือนตำนานของวงการ สถานการณ์บีบให้เขาต้อง “ขาย” ทั้งที่ไม่รู้เลยว่ามันมีมูลค่ามหาศาลขนาดไหน

จากจุดนั้นก็กลายเป็นการไล่ล่าฟาดฟันกันของบรรดาเซียนพระ
และคำถามสำคัญก็คือ “คนใสใสแบบเอก จะเชื่อใจใครได้บ้าง?”

แม้จะเป็นพล็อตที่คุ้นเคย แต่สิ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้ “เหนือความคาดหวัง” คือ จังหวะของหนัง, บทสนทนา และการแสดง ที่พาเรื่องราวไปไกลกว่าที่คิด

พระไม่ต้องปลุกเสก แต่หนังต้องมีจังหวะ

เป้–อารักษ์เลือกเดินเรื่องแบบกระชับฉับไว ไม่มีอธิบายศัพท์หรือแบกผู้ชมเข้าไปในโลกวงการพระอย่างเยิ่นเย้อ
เขาไม่ยัดเยียดว่าคุณต้องเข้าใจวงการนี้ก่อนถึงจะอิน แต่กลับใช้บทสนทนาและอารมณ์พาตัวละครไปให้คนดูค่อยๆ ซึมซับ
นี่แหละที่ทำให้หนังสนุก — เพราะเราได้ “ลุ้น” ไปกับสิ่งที่ไม่คุ้น แต่ไม่เคยรู้สึกหลงทาง

ซีนหลายซีนแทบไม่มีดนตรีประกอบ ไม่มีซาวด์ดราม่าบีบคั้น แต่ใช้ สายตา น้ำเสียง และความนิ่ง ของนักแสดง
…และมันได้ผล

เจ้านาย–อ๊ะอาย: คู่นี้แบกไหว

เจ้านายในบท “เอก” เล่นได้ซื่ออย่างน่าเอาใจช่วย — เป็นคนที่ดูเหมือนไม่มีอะไรจะเสีย แต่ก็ยัง “ไม่อยากเสีย” ไปซะหมด
ส่วนอ๊ะอาย–กรณิศ กับบท “หมวย” เซียนพระรุ่นใหม่ บทอาจจะดูห่างไกลจากภาพนักร้องวัยรุ่น แต่เธอกลับตีบทได้ถึง เชื่อได้เลยว่า “หมวย” นี่แหละคือเซียนของจริง

เคมีของทั้งสองคนไม่ต้องหวาน ไม่ต้องพยายามเลิฟไลน์ให้เกินจริง
แต่กลับเป็นการ “ไว้ใจและไม่ไว้ใจ” กันอย่างน่าเชื่อถือ

นักแสดงรุ่นใหญ่ – สมทบอย่างมีพลัง

จ๋าย–อิชณน์กร, ฮิวโก้, และ ตู่–นพพล มาในบทที่แม้จะไม่ใช่ตัวหลักของเรื่อง แต่แต่ละคนกลับมี “พลังบางอย่าง” ที่ผลักให้โลกในหนังเรื่องนี้ดูมีมิติมากขึ้น — ไม่ใช่แค่เป็นคนที่เดินผ่านไปผ่านมาในโลกของเอก แต่เป็นคนที่ “ขยับอำนาจ” หรือกดดันบางอย่างให้เรื่องเดินหน้า

จ๋าย ถ่ายทอดคาแรกเตอร์ของคนในวงการพระแบบมีเล่ห์เหลี่ยม แต่ไม่ต้องพยายามเล่นใหญ่
ฮิวโก้ แทบไม่มีคำพูดมากมาย แต่พอเขาปรากฏตัวบนจอ ทุกอย่างกลับเงียบลงราวกับทุกคนต้องจับตา
ตู่–นพพล ก็คือ “น้ำหนักของยุคเก่า” ที่ทับถมลงมาบนคนรุ่นใหม่แบบเอกหรือหมวยโดยไม่ต้องเปล่งเสียงดัง

ที่น่าสนใจคือ ทุกคนในไลน์สมทบเหล่านี้ ไม่ได้มาแสดงเพื่อ “โชว์ฝีมือ” แต่เข้ามาเพื่อเติมความลึกของเรื่องให้สมจริงแบบที่ผู้ชมไม่ทันรู้ตัว

แม้แต่ดารารับเชิญที่ออกมาเพียงไม่กี่ซีน — บางคนแทบไม่มีชื่อในโปสเตอร์หลัก — กลับกลมกลืนกับบรรยากาศของเรื่องอย่างน่าประหลาด
ไม่มีใครหลุด ไม่มีใครอ่อน ไม่มีใครดูแปลกแยกจาก texture ของหนัง ซึ่งมันคือเครื่องพิสูจน์หนึ่งในความแม่นยำของผู้กำกับในการคัดคนมาอยู่ให้ถูกที่ถูกทาง

สรุป

นี่คือหนังที่ไม่ต้องใช้โปรดักชันอลังการ ไม่ต้องปลุกเสก ไม่ต้องเป่าเครื่องเสียงใส่คนดู
แต่มัน “ศักดิ์สิทธิ์” ในแบบของมันเอง

พระแท้ คนเก๊ เป็นตัวอย่างของหนังที่รู้จักตัวเองดี
ไม่พยายามทำให้ใหญ่เกินตัว แต่ก็ไม่เล็กในหัวใจคนดู

ขอชมเลยว่า เป้–อารักษ์ ทำได้สำเร็จ
และหวังว่าจะได้เห็นเขากำกับหนังยาวอีกเรื่อยๆ

แสดงความคิดเห็น : Kitchen Rai

Your email address will not be published. Required fields are marked *


Optimized by Optimole