“In My Time of Dying” ไม่ได้เริ่มต้นเป็นบทเพลงอันยิ่งใหญ่ยาวนานสิบนาทีที่ทำให้เพดานสั่นสะเทือนและอาบด้วยเสียงก้อง แต่เนื้อแท้ของมันย้อนกลับไปถึงดินแดนปากแม่น้ำอันแห้งผาก เป็นบทเพลงกอสเปล-บลูส์ที่ถูกบันทึกครั้งแรกในยุค 1920 โดย บลายด์ วิลลี่ จอห์นสัน(Blind Willie Johnson) ภายใต้ชื่อ “Jesus Make Up My Dying Bed” มันคือการโอดครวญที่แทบจะไร้การปรุงแต่งจากดวงวิญญาณ เสมือนผู้ที่กำลังแขวนชีวิตอยู่บนเส้นด้ายบางๆ กำลังค้นหาความสงบและการไถ่บาป ในช่วงตลอดหลายทศวรรษ บทเพลงนี้ได้ผ่านมือของ บ็อบ ดีแลน(Bob Dylan) และศิลปินอื่นๆ หลากหลายรูปแบบ แต่ยังคงแก่นทางจิตวิญญาณไว้เสมอ เป็นเพลงที่ร้องเมื่อคุณเหยียบขาข้างหนึ่งในหลุมศพและอีกข้างในคำเทศนาอันร้อนแรง
แต่เมื่อเหล่าเรือเหาะว่องเวหา “เลด เซปเปลิน”(Led Zeppelin) ได้เพลงนี้มาครอบครองในปี 1974 พวกเขาไม่ได้แค่คัฟเวอร์มันเท่านั้น แต่พวกเขาปลุกวิญญาณมันขึ้นมาใหม่ สิ่งที่ทำให้เวอร์ชั่นของพวกเรือเหาะโด่งดังไม่ใช่แค่การแปลงร่างจากบลูส์อันศักดิ์สิทธิ์ไปเป็นการฟื้นคืนชีพแบบฮาร์ดร็อกเต็มรูปแบบ แต่เป็นวิธีที่สมาชิกแต่ละคนเทจิตวิญญาณของตัวเองลงไปในเพลง กลองของ จอห์น บอนนั่ม ไม่ได้แค่นับจังหวะ สไลด์กีตาร์ของ จิมมี่ เพจ ร่ำไห้ราวกับเหล็กขูดกับกระดูก โจนส์ คุมจังหวะเบสดั่งพิธีกรรมตามจังหวะเต้นของหัวใจ ในขณะที่ โรเบิร์ต แพลนท์ ครวญครางและร้องโหยหาเหมือนชายที่กำลังต่อรองกับพระเจ้า “In My Time of Dying” ของพวกเขา ซึ่งบันทึกสดในสตูดิโอสำหรับอัลบั้ม Physical Graffiti ที่วางแผงในปี 1975 ได้กลายเป็นอนุสาวรีย์แห่งบทสวดมนต์ยาวกว่า 10 นาทีที่เปลี่ยนจากการต่อสู้และการร้องขอ ให้ลอยขึ้นสู่การยกระดับทางจิตวิญญาณ
การต่อรองกับนิรันดร์กาล: ความหมายของเพลงในเบื้องหลังเสียงคร่ำครวญ
ในแก่นแท้แล้ว “In My Time of Dying” คือพินัยกรรมสุดท้ายของชายผู้หนึ่ง ไม่ใช่แค่การบอกลา แต่เป็นการเจรจาต่อรองอย่างดุเดือดกับชะตากรรม เป็นเสียงร้องขอให้หลุดพ้นจากพันธนาการแห่งโลกมนุษย์ เป็นการวิงวอนต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่ได้เกิดจากความกลัว แต่มาจากความพร้อม เวอร์ชั่นของเลด เซปเปลิน ไม่ได้กระซิบข้อความนี้ แต่พวกเขากรีดร้องมันเข้าสู่ความว่างเปล่า เส้นแบ่งอันเลือนรางระหว่างความสิ้นหวังกับความท้าทาย ไม่ใช่เรื่องของความตายในฐานะจุดจบ แต่เป็นการชำระบัญชีครั้งสุดท้าย ช่วงเวลาที่ดวงวิญญาณบอบช้ำและร้อนใจนั้น เรียกร้องที่จะเดินฝ่าเปลวเพลิงด้วยเงื่อนไขของตัวเอง ในมือของเลด เซปเปลิน ความตายไม่ใช่การยอมจำนน แต่เป็นพายุอันบ้าคลั่ง
แปลเพลง In My Time of Dying
In my time of dying | ในยามที่ข้าจะลาลับจากโลกนี้
Want nobody to mourn | ข้าไม่อยากให้ผู้ใดร่ำไห้คร่ำครวญ
All I want for you to do | สิ่งเดียวที่ข้าขอจากเจ้า
Is take my body home | คือจงพาร่างของข้ากลับบ้าน
Well, well, well, so I can die easy | เอาเถิด เอาเถิด เพื่อข้าจะได้จากไปอย่างสงบ
Well, well, well, so I can die easy | เอาเถิด เอาเถิด ให้ความตายมาหาข้าอย่างอ่อนโยน
Jesus gotta make up, sure know | พระเยซูเจ้าจะทรงเตรียมไว้แน่แท้
Jesus gotta make up | พระองค์จะทรงจัดแจงให้พร้อม
Jesus gonna make up my dyin’ bed | พระเยซูจะเป็นผู้ปูเตียงแห่งความตายให้ข้าเอง
Meet me, Jesus, meet me | โปรดพบข้าเถิด พระเยซูเจ้า โปรดเสด็จมาหาข้า
Ooh, meet me in the middle of the air | พบข้ากลางเวหา ในระหว่างฟ้าดิน
If my wings should fail me, Lord | หากปีกของข้าพลันอ่อนแรง ท่านพระเจ้า
Oh, please meet me with another pair | ขอจงประทานปีกคู่ใหม่ให้ข้า แล้วพบข้าเถิด
Well, well, well, so I can die easy | เอาเถิด เอาเถิด เพื่อข้าจะจากไปโดยไร้ห่วง
Oh-oh, well, well, well, so I can die easy | เอาเถิด เอาเถิด ให้ข้าได้หลับตาอย่างสงบ
Jesus gotta make up, somebody, somebody | พระเยซูจะทรงเตรียมไว้ มีใครบางคนแน่
Oh, oh, Jesus gotta make up | โอ พระเยซูจะไม่ทรงละทิ้งข้า
Jesus gonna make it my dyin’ bed | พระองค์จะทรงจัดเตียงแห่งความตายนี้ให้แก่ข้า
Oh, Saint Peter, at the gates of heaven | โอ เซนต์ปีเตอร์ ท่านผู้เฝ้าประตูสวรรค์
Won’t you let me in? | ขอเถิด ท่านจะไม่ให้ข้าเข้าไปหรือ?
I never did no harm | ข้าไม่เคยทำร้ายผู้ใดเลย
I never did no wrong | ข้าไม่เคยล่วงเกินสิ่งใดผิดธรรม
Oh, oh, Gabriel, oh, let me blow your horn | โอ กาเบรียล ขอให้ข้าได้เป่าลำแตรของท่าน
Let me blow your horn | ให้ข้าเป่าสัญญาณแห่งการกลับบ้าน
Oh, I never did no harm | ข้ายืนยันว่ามิเคยทำร้ายผู้ใด
Did no wrong | มิเคยล่วงเกินหรือกระทำผิด
I’ve only been young once | ข้าเคยเป็นเพียงเด็กหนุ่มผู้ไร้เดียงสา
I never thought I’d do anybody no wrong | ข้าไม่เคยคิดจะทำร้ายผู้ใดเลย
No, not once, oh | สาบานเถิด ไม่แม้แต่สักครั้ง
Oh, good! | โอ… ดีแล้ว!
Oh, I did somebody so good | ข้าเคยกระทำความดีต่อใครบางคน
Somebody some good, yeah, I saw | แน่ละ ข้าเห็นความดีงามที่ได้ทำ
Oh, did somebody some good, yeah | ใช่ ข้าเคยทำสิ่งดีให้แก่เขา
I musta did somebody some good, yeah | ข้าคงเคยทำความดีไว้แก่ใครบางคนแน่
Oh, I believe I did | ใช่ ข้าเชื่อว่าข้าทำไว้แล้ว
I see the smiling faces, yeah | ข้ามองเห็นใบหน้าเปื้อนยิ้มเหล่านั้น
I know there must be lipstick traces, oh | ข้ารู้ว่ามันมีรอยจูบบนริมฝีปากหลงเหลืออยู่
And I see them in the streets | ข้าเห็นพวกเขาในถนนหนทาง
And I see them in the fields, yeah | ข้าเห็นพวกเขาในท้องทุ่งกลางแดดจ้า
And I hear them under my feet | และข้าได้ยินเสียงพวกเขาอยู่ใต้ฝ่าเท้าข้า
And I know it’s got to be real | ข้ารู้ดีว่านี่คือความจริงอันลึกซึ้ง
Oh, Lord, deliver me | ข้าแต่พระเจ้า โปรดช่วยปลดปล่อยข้า
All the wrong I’ve done | จากบาปทั้งปวงที่ข้าเคยทำ
Oh, you can deliver me, Lord, yeah | พระองค์สามารถปลดเปลื้องข้าได้แน่นอน
I only wanted to have some fun | ข้าเพียงแค่อยากมีความสุขกับชีวิตบ้าง
Oh, hear, the angels marching, marching | ได้ยินไหม เหล่านางฟ้ากำลังก้าวเดินอย่างสง่างาม
They been marching, keep it marching, yeah, marching | พวกเขาเดินมาอย่างไม่หยุดยั้ง เดินมาเรื่อยๆ สม่ำเสมอ
Oh, my Jesus, oh, my Jesus, oh, my Jesus | โอ พระเยซูของข้า พระเยซูของข้า พระเยซูของข้า
Oh, my Jesus, oh, my Jesus, oh, my Jesus | พระเยซูของข้า พระเยซูของข้า พระเยซูของข้า
Oh, my Jesus, oh, my Jesus, oh, my Jesus | พระเยซูเจ้าผู้ทรงเมตตา พระเยซูเจ้าผู้ทรงไถ่บาป
Oh, my Jesus, oh, my Jesus, oh, my Jesus | พระองค์คือความหวังยามสุดท้าย พระองค์คือการหลุดพ้น
Oh, my Je, ah-oh, ah, my Je | โอ พระเยซู… โอ… พระเยซูของข้า
Hey, yeah, that’s got to be my Jesus | ใช่แล้ว… นั่นต้องเป็นพระเยซูของข้าแน่นอน
Whoa-whoa! | โอ้โฮ…
It’s got to be, it’s got to be my Jesus | ต้องเป็นพระองค์แน่ ต้องเป็นพระเยซูของข้า
It’s got to be, oh | ไม่มีทางอื่นอีกแล้ว
It’s got to be my Jesus | พระองค์เท่านั้นคือความจริงแท้ของข้า
Oh, oh, take me home | โอ… โปรดพาข้ากลับบ้านเถิด
Come on, come on | มาเถิด พาข้าไป
I can hear the angels singing | ข้าได้ยินเสียงนางฟ้าขับร้อง
Oh, here they come, here they come, here they come | นั่นพวกเขามาแล้ว มาแล้ว มาแล้ว
Bye-bye, bye-bye | ลาก่อน ลาก่อน
Bye-bye, bye-bye, bye-bye | ลาก่อน ลาก่อน ขอลาจาก
Oh, feels pretty good up here, pretty good up here | โอ… ที่นี่มันช่างสงบและดีเหลือเกิน
I’ll touch Jesus, I’ll touch Jesus, I’ll touch Jesus | ข้าจะได้สัมผัสพระเยซู ข้าจะได้สัมผัสพระเยซู
I’ll touch Jesus, I’ll touch Jesus | ข้าจะได้อยู่ใกล้พระองค์จริง ๆ
Oh, oh, oh, oh, oh, oh, oh, yeah | โอ โอ โอ… สวรรค์ช่างงดงามยิ่งนัก
Oh, I see him | ข้ามองเห็นพระองค์แล้ว
Come on | มาเถิด พาข้าไป
Take it, take it, take it, take it, take it, take it | รับข้าไว้ รับข้าไว้ พระองค์โปรดรับข้าไว้
Take it, take it, take it, take it, take it, take it, take it | รับจิตวิญญาณของข้าไปเถิด โอพระองค์
Ooh, yes, come on, oh, oh, yeah! | ใช่แล้ว มาเถิด! โอ ใช่แล้ว!
Oh, don’t you make it my dyin’, dyin’, dyin’ cough | โอ… โปรดอย่าปล่อยให้ลมหายใจสุดท้ายของข้าต้องทุกข์ทรมาน
That’s gonna be the one, asn’t it? | นั่นแหละ คือช่วงเวลานั้นแน่ใช่ไหม?
Come and have a listen, then | จงมารับฟังเสียงลาจากนี้
Oh, yes, thank you | โอ… ขอบพระคุณ พระผู้เป็นเจ้า
อยากจะเขียนอะไรก็เขียนอ่ะครับ แต่มีผู้ช่วยเขียนเป็น A.I. หากเขียนผิดหรือตกหล่นไปก็ขออภัยล่วงหน้านะครับ