Apocalypse Now ชื่อไทย กองทัพอำมหิต คือหนึ่งในภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับสงครามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเรื่องนึงเท่าที่เคยดูมา เป็นผลงานชั้นครูอย่างแท้จริง แสดงให้เห็นศักยภาพพลังของการเล่าเรื่องที่กับงานสร้างที่พิถีพิถัน แม้จะผ่านกาลเวลาเป็นเวลากว่า 40 ปีแล้ว ก็ยังเป็นที่กล่าวถึงจนในปัจจุบัน รวมถึงติดใน TOP 250 Movies ใน IMDB มาอย่างยาวนาน
เนื้อเรื่องนั้นจะเป็นช่วงในสงครามเวียดนาม ที่ติดตามการเดินทางของผู้กองวิลลาร์ด นายทหารในหน่วยรบพิเศษของสหรัฐ ถูกส่งไปปฏิบัติภารกิจลับ ลึกเข้าไปในป่าเพื่อค้นหาและสังหารผู้พันเคิร์ตซ์ นายทหารที่เสียสติและหนีทัพไปสร้างตัวเองเป็นผู้นำกองทัพของตนเอง เราจะพบกับการเดินทางเต็มไปด้วยอันตรายและการผจญภัยในป่าและลำน้ำนวม(Nùng )ของเวียดนาม ที่จะพบเจอทั้งมิตรและศัตรู ที่เป็นเรื่องราวอันแปลกประหลาดตลอดทาง

เรื่องราวจากหน้าหนังแม้จะดูเหมือนว่าเป็นสงครามแอ็คชั่น แต่น้ำหนักในหนังส่วนใหญ่ก็เต็มไปด้วยความน่ากลัวของสงครามและสภาพจิตใต้สำนึกของมนุษย์ ที่ความมืดหม่นของอารมณ์นั้นสามารถกลืนกินเราทุกคนเพื่อความอยู่รอด เล่าผ่านตัวละครแต่ละคนที่มีความซับซ้อนและแตกต่างกันออกไป โดยใช้แรงจูงใจและความกลัวของตัวละครเป็นการขับเคลื่อน เป็นประสบการณ์ให้เห็นวิธีการเล่าเรื่องที่หลากหลายแบบจากหนังสงครามเพียงเรื่องเดียว

ส่วนระหว่างการถ่ายทำก็ประสบปัญหาตั้งแต่เริ่มต้น เช่น ปัญหาทางการเงิน พายุไต้ฝุ่นทำลายฉาก และนักแสดงนำมาร์ติน ชีนมีอาการหัวใจวายระหว่างการถ่ายทำ อย่างไรก็ตามผู้กำกับ ฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปลา ก็ผ่านพ้นมาได้และสร้างผลงานมาสเตอร์พีซของหนังสงคราม ที่สร้างแรงบันดาลใจภาพยนตร์อีกหลายๆ เรื่องตามมา รวมถึงการมีทีมนักแสดงที่นำโดยมาร์ติน ชีน กับบท ผู้กองวิลลาร์ด และ มาร์ลอน แบรนโด กับบทบาท ผู้พันเคิร์ตซ์ และทีมนักแสดงสมทบชื่อดังอย่าง โรเบิร์ต ดูวัล, เดนนิส ฮอปเปอร์, ลอว์เรนซ์ ฟิชเบิร์น และ แฮร์ริสัน ฟอร์ด ซึ่งทุกการแสดงที่โดดเด่นทำให้ตัวละครเหล่านั้นดูมีชีวิตจริงๆ

เพลงประกอบภาพยนตร์ของเรื่องก็นับว่าเป็นคอลเลกชั่นทางดนตรีชั้นยอด ที่ช่วยเสริมบรรยากาศของภาพยนตร์ออกมาได้อย่างดี และได้กลายเป็น ICON ของวงการภาพยนตร์เรื่องนึงเลยก็ว่าได้ การรวบรวมแนวเพลงไว้อย่างหลากหลายแนว เช่น ดนตรีคลาสสิก, ร็อก, และป๊อป
ซาวนด์แทรคที่น่าจดจำของเรื่องนี้คือเพลง “The End” สุดหลอนและโด่งดังจากวง The Doors ซึ่งบรรเลงในฉากเปิดเรื่อง ขณะที่ผู้กองวิลลาร์ดรำลึกประสบการณ์ในอดีตอันเจ็บปวดเพราะสงคราม ภาษากายขณะร่ายรำกับเพลงนี้แสดงถึงความปวดร้าวในจิตใจออกมาให้เห็น และคิดว่าหลายๆ คนรู้จักเพลงนี้เพราะว่าหนังเรื่องนี้กันเยอะมากด้วยครับ
ฉากกองคาราวานเฮลิคอปเตอร์โจมตีเวียดกงนั้นใช้เพลง “Ride of the Valkyries” ของ Wagnerสร้างความรู้สึกที่แตกต่างอย่างเยือกเย็นระหว่างความสวยงามของดนตรีและความรุนแรงบนหน้าจอ และยังมีเพลงฮิตๆ เข้ามาเปลี่ยนบรรยากาศของภาพยนตร์ได้อีก อย่างเช่น Susie Q โดย Flash Cadillac, (I Can’t Get No) Satisfaction ของ The Rolling Stones และ Surfin’ Safari จาก the Beach Boys
เมื่อครั้งออกฉายในปี 1979 ก็ได้รับเสียงชื่นชมอย่างมาก โดยนักวิจารณ์หลายคนยกย่องให้เป็นผลงานชิ้นเอกของวงการภาพยนตร์อีกเรื่องหนึ่ง รวมถึงได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ 8 รางวัล และคว้ามาได้ ถึง 2 รางวัล คือ Best Cinematography กับ Best Sound ของปี 1980 และยังได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางว่าเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา

ส่วนตัวแล้วใครกำลังคิดว่าอยากดูหนังเรื่อง Apocalypse Now ว่าจะสนุกมั้ย ก็นับว่าควรค่ากับการดูหนังที่ดีมากๆ เรื่องนึงเลยนะครับ เพราะมัน เป็นภาพยนตร์ที่ต้องดูสำหรับคนที่สนใจเกี่ยวกับงานผลิตภาพยนตร์ ไม่ว่าอยากจะดูวิธีการดำเนินเรื่องให้เห็นสภาพจิตใจของมนุษย์ที่ค่อยๆ เข้าสู่ด้านมืด หรือจะเป็นงานด้านโปรดักชั่นและงานภาพอลังการแบบที่ไม่ได้พึ่ง CGI เลย ดังนั้นอย่าได้ลังเลที่จะสัมผัสผลงานชิ้นเอกนี้ด้วยตัวคุณเอง เพื่อดูว่าเหตุใดยังคงคลาสสิกเหนือกาลเวลามาถึงปัจจุบัน
ที่มาของรูป pagesix.com