Skip to content

[รีวิว] หุ่นพยนต์ : Hoon Payon (2023)

เวลาที่ใช้อ่าน : < 1 นาที

ภาพยนตร์ไทยเรื่อง หุ่นพยนต์ (Hoon Payon) ได้ยินข่าวช่วงต้นๆ ปีมีกระแสดราม่าเรื่องแบน เรื่องจัดเรท เพราะว่าไปเกี่ยวข้องกับวงการสงฆ์หรือพระพุทธศาสนาหรือยังไงนี่แหละครับ แต่ก็อ่านข่าวผ่านๆ ไม่ได้สนใจ ไม่ได้รู้เรื่องเลยว่าหนังนั้นจะมีเรื่องราวยังไง รู้เพียงแต่ว่าเป็นหนังผีสยองขวัญล่ะมั้ง จนเมื่อมาฉายใน Prime Video ซึ่งมีทั้งสองเวอร์ชั่นคือ ‘หุ่นพยนต์’ (ฉ.20) และ ‘ปลุกพยนต์’ (18+) ที่อันหลังเป็นเวอร์ชั่นเพิ่มฉาก ก็เลยต้องเปิดดูให้รู้สาเหตุสักหน่อย บรรทัดต่อไปอาจพบข้อความสปอยล์จากเรื่องหุ่นพยนต์นะครับ

หนังเริ่มเปิดมาด้วยโลเคชั่นสวยๆ ที่ถูกเซ็ตว่าเป็นเกาะแห่งนึงไกลปืนเที่ยง ที่ดูเหมือนว่าไม่มีแม้แต่ผู้รักษากฏหมายเสียด้วยซ้ำ งานภาพออกมาถือว่าดีมีความปราณีตอยู่ เปิดเรื่องด้วยความระทึกที่ก้ำกึ่งระหว่างความงมงายกับความจริง แต่สุดท้ายนั้นสิ่งที่ขาดความเคารพถูกกำจัดไปด้วยความหวาดกลัวเข้ามาแทน ซึ่งตอนนี้ก็คิดว่าคีย์แมสเสจของหนังจะเล่นเรื่องนี้หรือเปล่านะ?

โดยใช้ตัวเอกอย่าง “ธาม” (ภูวินทร์ ตั้งศักดิ์ยืน) ที่เปรียบเสมือนตัวแทนของคนรุ่นใหม่ ที่ไม่ให้ความเชื่องมงายอะไรมาเล่นงานเค้าได้ ออกไปตามหาพี่ชายบวชเป็นพระขาดการติดต่อ มาตามหาที่วัดป่าในเกาะแห่งนี้ พอมาจุดนี้เหมือนจะเล่าในแบบการตามสืบหาความจริงตามฉบับทริลเลอร์ปนความลึกลับ(mystery)ทั่วๆ ไป โดยมีผู้ช่วยสติสตังไม่เต็มเต็งอย่าง “เต๊ะ” (ภูมิพัฒน์ เอี่ยมสำอาง) มาคอยช่วยเหลือ สมทบด้วยกลุ่มสามเณร และ เจษ (คุณาธิป ปิ่นประดับ) นักปั้นหุ่นบนเกาะที่มีวิชาอาคม

การแคสติ้งนักแสดงตัวหลักนั้นดูออกแปลกๆ ไปหน่อย เหมือนดูผิดสถานที่กับหน้าตาและการแต่งตัวไปหน่อย ดูไม่สมกับคนเกาะดินไกลห่างไกลเลย แม้กระทั่งพี่สาวเณรบรีสอย่าง “มีนา” (ทสร กลิ่นเนียม) และโดยเฉพาะอย่างยิ่งบทของเต๊ะนั้น ยิ่งแล้วไปใหญ่เลย มันดูเป็นนักแสดงซีรี่ย์วายอย่างเห็นได้ชัด รวมถึงการแสดงเป็นคนไม่เต็มนั้น แม้มีความพยายามทำออกมาให้ได้ แต่ดูแล้วยังรู้สึกขาดความอินเนอร์ของนักแสดงแนวๆ นี้อยู่ (แน่นอนเราเห็นคนบ้า คนเพี้ยนในชีวิตจริง ไม่มีใครพูดแบบนั้น แนะนำให้ดูการแสดงของแบรด พิตต์ใน 12 Monkeys)

การเปิดเผยเนื้อหาสำคัญในเรื่องนั้น ร้อยเรียงออกมาได้แบบโจ่งแจ้งจนรู้สึกง่ายๆ อย่างนี้เลย..จนเกินไปหน่อย นั่นเลยทำให้รู้สึกขาดความลุ่มลึกไปกับเนื้อเรื่องไปเยอะเลย หลายๆ ฉากก็ใส่เข้ามาให้รู้สึกแบบคริ้นจ์ๆ (Cringe) เช่น ฉากทำไข่เจียวปลากระป๋อง, ฉากเปิดเผยให้ชาวบ้านรู้ว่าธามเป็นน้องพระธี แล้วชาวบ้านเหวอๆ, ฉากส้มหยุดส้มหล่น ฯลฯ

แต่หลายๆ ฉากก็ทำออกมาได้ดี โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับกลุ่มพระเณร ทำออกมาได้เรียลดี มันเป็นอย่างที่เราๆ เห็นมาหลายสิบปีในวงการพระสงฆ์นั่นแหละ เณรก็เป็นแค่เด็ก เป็นวัยรุ่น ซึ่งก็มีอารมณ์ซุกซนห่ามๆ อย่างงี้แหละครับ ตรงนี้ทำออกมาได้ดีอยู่นะ แอบแปลกใจที่คนมีอำนาจตื่นตัวกับหนังเรื่องนี้ เอาจริงๆ ไปดูข่าวไทยรัฐ ข่าวช่อง 8 ช่องอัมรินทร์ เราเห็นวงการพระสงฆ์โหดร้ายกว่าในหนังเยอะอีกนะ คนทุกเพศทุกวัยเข้าถึงข่าวได้ง่ายกว่าหนังอีก

พอมาถึงช่วงท้าย ช่วงเปิดเผยความจริงในเรื่องทั้งหมด ยิ่งแอบเสียดายเข้าไปใหญ่ แอบรู้สึกว่ามันน่าจะร้อยเรียงออกมาถึงจุดนี้ได้ดีกว่านี้มันจะดีมาก น่าเสียดายอย่างมากที่ทำได้ไม่ถึง เพราะเรื่องช่วงต้นจนถึงช่วงกลางมันขาดอารมณ์และจังหวะต่อเนื่องที่จะส่งให้มาถึงจุดนี้ พอมาดูตรงนี้มันเหมือนทำออกมาเป็นหนังแยกออกไปจบอีกเรื่องนึงเลยแทนไปซะอย่างนั้น แถมเรื่องตอนท้ายออกมาจะดูดีได้อีกต่างหาก กลับไปโฟกัสเรื่องคนหนีคดีมาสร้างหุ่นดินเหนียวแทน เสียดายจริงๆ (แนะนำดูตัวอย่างจากความสำเร็จอย่าง The Usual Suspects) รวมถึงฉากที่เพิ่มมานั้นก็รู้สึกว่าอรรถรสก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นมาเท่าไหร่เลย

แสดงความคิดเห็น : Kitchen Rai

Your email address will not be published. Required fields are marked *