Skip to content

Friday I’m in Love : The Cure | แด่ Perry Bamonte สุภาพบุรุษผู้ปิดทองหลังพระและมนต์รักนิรันดร์ในวันศุกร์

  • kengji 
เวลาที่ใช้อ่าน : 3 นาที

In Memory of Perry Bamonte (1960 – 2025)

ข่าวการจากไปของ Perry Bamonte เมื่อคืนคริสต์มาสอีฟ 24 ธันวาคม 2025 ที่ผ่านมา ได้สร้างความเงียบงันให้เกิดขึ้นในหัวใจของสาวก The Cure ทั่วโลก แม้เขาอาจไม่ใช่สมาชิกที่ยืนอยู่ท่ามกลางสปอตไลท์ที่สว่างที่สุดเหมือน Robert Smith หรือ Simon Gallup แต่สำหรับแฟนเพลงเดนตายยุค 90s แล้ว Perry คือ “จิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญ” ที่ทำให้ซาวด์ดนตรีของวงในช่วงรอยต่อระหว่างความมืดมิดของ Disintegration และความหลากหลายของ Wild Mood Swings นั้นสมบูรณ์แบบ

Perry ไม่ได้เริ่มต้นจากการเป็นร็อคสตาร์ เขาเริ่มจากจุดเล็กๆ อย่างการเป็น Roadie และมือกีตาร์เทคนิคให้กับพี่ชาย (Daryl Bamonte) และวง ก่อนจะก้าวขึ้นมารับหน้าที่สำคัญในช่วงเวลาที่วงต้องการความมั่นคงที่สุด การจากไปของเขาจึงไม่ใช่แค่การสูญเสียนักดนตรี แต่คือการสูญเสียพยานปากเอกผู้ร่วมสร้างยุคสมัยที่รุ่งโรจน์ที่สุดยุคหนึ่งของ The Cure

เพื่อเป็นการรำลึกถึงชายผู้เงียบขรึมแต่เปี่ยมด้วยพรสวรรค์ เราจะพาทุกท่านย้อนกลับไปฟังเสียงกีตาร์และคีย์บอร์ดของเขาในบทเพลงที่สว่างไสวที่สุด เพลงที่เป็นดั่งขั้วตรงข้ามของความโศกเศร้า และเป็นมรดกที่เขาฝากไว้ให้โลกใบนี้ยิ้มได้ทุกครั้งที่ได้ยิน… “Friday I’m in Love”

อุบัติเหตุแห่งความสุข: เมื่อความรักไม่ได้มาในโทนสีดำ

หาก Disintegration (1989) คืออนุสาวรีย์แห่งความหม่นหมอง Wish (1992) ก็คือสวนดอกไม้ที่บานสะพรั่งท่ามกลางพายุ และ “Friday I’m in Love” คือดอกไม้ที่สีสดที่สุดในสวนแห่งนั้น

เรื่องราวของเพลงนี้เริ่มต้นขึ้นในบ่ายวันศุกร์วันหนึ่ง ขณะที่ Robert Smith กำลังขับรถกลับบ้าน ท่วงทำนองที่เรียบง่ายแต่ติดหูอย่างร้ายกาจได้ผุดขึ้นมาในหัวของเขา มันไพเราะและสมบูรณ์แบบเสียจน Robert ตกอยู่ในสภาวะ “พารานอยด์” ขั้นรุนแรง เขาเชื่อสนิทใจว่าเขาต้องเผลอไปขโมยทำนองนี้มาจากเพลงเก่าๆ ของใครสักคนแน่ๆ ถึงขนาดยกหูโทรหาเพื่อนทุกคนที่รู้จัก แล้วฮัมเพลงนี้ให้ฟังพร้อมคำถามซ้ำๆ ว่า “เคยได้ยินเพลงนี้ไหม? ฉันก็อปปี้ใครมาหรือเปล่า?”

เมื่อทุกคนยืนยันว่าไม่เคยได้ยิน Robert จึงยอมรับได้ว่า นี่คือของขวัญจากฟ้าที่ประทานลงมาให้เขาจริงๆ

แต่ความมหัศจรรย์ของซาวด์ดนตรีในเพลงนี้ไม่ได้เกิดจากแค่การแต่งเพลง แต่มันเกิดจาก “อุบัติเหตุทางเทคนิค” ในห้องอัด ขณะบันทึกเสียง Robert เผลอไปปรับปุ่ม Speed ของเทปบันทึกเสียง (Vari-speed) ทำให้เสียงที่อัดออกมามีความเร็วและระดับเสียง (Pitch) สูงขึ้นกว่าความเป็นจริงเล็กน้อย แทนที่พวกเขาจะแก้ไข มันกลับกลายเป็นว่าเสียงที่สูงขึ้นนั้นทำให้เพลงฟังดู “เยาว์วัย” และ “สดใส” ขึ้นอย่างประหลาด มันคือเสียงแห่งความหวังที่แม้แต่ความตั้งใจก็ไม่อาจสร้างได้

สถาปัตยกรรมดนตรีในยุค “Wish”: บทบาทของ Perry Bamonte

ในอัลบั้ม Wish นั้น Perry Bamonte รับหน้าที่ทั้งคีย์บอร์ดและกีตาร์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ซาวด์ของ The Cure มีความซับซ้อนและหนาแน่นอย่างยิ่ง ในขณะที่ Porl Thompson สาดเสียงกีตาร์แบบ Psychedelic ที่หวือหวา หน้าที่ของ Perry คือการเป็น “Architect” หรือสถาปนิกที่คอยวางโครงสร้างพื้นฐาน

ในเพลง “Friday I’m in Love” แม้ฉากหน้าจะเป็นเพลงป๊อปจังหวะสนุก แต่หากคุณลองใส่หูฟังดีๆ และหลับตาฟัง คุณจะได้ยินเสียงกีตาร์อะคูสติกที่ตีคอร์ดอย่างแม่นยำประสานไปกับเสียงซินธิไซเซอร์บางๆ ที่ลอยอ้อยอิ่งอยู่เบื้องหลัง เสียงเหล่านั้นคือฝีมือของ Perry ที่ช่วยเติมเต็มช่องว่างของเพลงให้แน่นขนัดแต่ไม่อึดอัด มันคือความละเมียดละไมที่ทำให้เพลงป๊อปธรรมดาๆ กลายเป็นงานระดับมาสเตอร์พีซที่ฟังได้ไม่รู้เบื่อ

Perry คือคนที่เข้าใจดีว่า เมื่อไหร่ควรเล่น และ เมื่อไหร่ควรเงียบ ความถ่อมตัวทางดนตรีของเขาคือสิ่งที่ทำให้ The Cure ในยุคนั้นมีความสมดุลระหว่าง EGO ของศิลปินและความงามของบทเพลงอย่างแท้จริง

ความหมาย: การเฉลิมฉลองแด่การรอคอย

“Friday I’m in Love” ไม่ใช่แค่เพลงรัก แต่มันคือ “เพลงชาติของคนทำงาน” Robert Smith เคยนิยามมันว่าเป็น “Dumb Pop Song” (เพลงป๊อปทึ่มๆ) เพราะเนื้อหามันช่างตรงไปตรงมาเสียเหลือเกิน

เพลงพูดถึงความรู้สึกสากลของมนุษย์ที่ต้องทนทุกข์ทรมานกับความน่าเบื่อหน่ายของวันจันทร์ถึงวันพฤหัสบดี เพียงเพื่อจะระเบิดความสุขทั้งหมดออกมาใน “วันศุกร์” มันคือการอุทิศตนให้กับช่วงเวลาสั้นๆ ที่เราจะได้เป็นตัวของตัวเอง ได้อยู่กับคนที่เรารัก และได้ลืมความหมองหม่นของโลกใบนี้ไปชั่วคราว

แปลเนื้อเพลง: Friday I’m in Love

[Verse 1]
I don’t care if Monday’s blue | ฉันไม่ยี่หระหรอกนะ หากวันจันทร์จะหม่นหมองดั่งสีฟ้าที่เศร้าสร้อย
Tuesday’s grey and Wednesday too | แม้อังคารจะเทาหม่น หรือวันพุธจะเฉาโศกก็ช่างปะไร
Thursday I don’t care about you | วันพฤหัสบดีเหรอ… ฉันไม่สนแกด้วยซ้ำ
It’s Friday, I’m in love | เพราะนี่คือวันศุกร์ และหัวใจฉันกำลังอิ่มเอมด้วยความรัก

[Verse 2]
Monday you can fall apart | วันจันทร์ เชิญแกพังทลายลงไปให้พอใจ
Tuesday, Wednesday break my heart | อังคาร หรือพุธ จะกรีดแทงใจฉันให้แหลกสลายก็เชิญ
Oh, Thursday doesn’t even start | โอ้… ส่วนวันพฤหัสบดีน่ะ มันยังไม่ได้เริ่มมีความหมายอะไรเลย
It’s Friday, I’m in love | เพราะนี่คือวันศุกร์ และฉันกำลังตกหลุมรักอย่างหมดหัวใจ

[Chorus]
Saturday, wait | วันเสาร์… ได้โปรดรอหน่อยนะ
And Sunday always comes too late | และวันอาทิตย์ เธอก็มักจะมาถึงช้าเกินไปเสมอ
But Friday, never hesitate… | แต่วันศุกร์… ไม่เคยเลยที่จะลังเลใจ…

[Verse 3]
I don’t care if Monday’s black | ฉันไม่สนหรอกว่าวันจันทร์จะมืดมิดเพียงใด
Tuesday, Wednesday, heart attack | หรืออังคารกับพุธ จะทำให้ฉันแทบหยุดหายใจ
Thursday, never looking back | วันพฤหัสบดี ฉันจะไม่หันหลังกลับไปมองมัน
It’s Friday, I’m in love | เพราะนี่คือวันศุกร์ และฉันกำลังมีความรัก

[Bridge]
Monday, you can hold your head | วันจันทร์ แกจะเชิดหน้าชูตาใส่อะไรก็เชิญ
Tuesday, Wednesday, stay in bed | อังคารกับพุธ จะมุดหัวนอนซมอยู่บนเตียงก็เอาเลย
Or Thursday watch the walls instead | หรือพฤหัสบดี จะนั่งจ้องกำแพงว่างเปล่าก็ตามใจ
It’s Friday, I’m in love | เพราะนี่คือวันศุกร์ และโลกทั้งใบของฉันคือความรัก

[Chorus]
Saturday, wait | วันเสาร์… รอก่อน
And Sunday always comes too late | และวันอาทิตย์ ก็ช่างมาถึงช้าเหลือเกิน
But Friday, never hesitate… | แต่เจ้าวันศุกร์… ไม่เคยรีรอที่จะมอบความสุขให้

[Verse 4]
Dressed up to the eyes | แต่งตัวจัดเต็ม ให้เฉิดฉายบาดตา
It’s a wonderful surprise | มันช่างเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์ที่แสนวิเศษ
To see your shoes and your spirits rise | ที่ได้เห็นรองเท้าคู่สวย และจิตวิญญาณของเธอที่ลอยล่อง
Throwing out your frown | สลัดความบึ้งตึงทิ้งไปเสีย
And just smiling at the sound | แล้วเพียงแค่ยิ้มรับให้กับเสียงเพลง
And as sleek as a shriek | ที่พริ้วไหวและโฉบเฉี่ยวราวกบเสียงกรีดร้อง
Spinning round and round | หมุนวนไปรอบๆ อย่างเริงร่า
Always take a big bite | กัดกินความสุขคำโตๆ เข้าไปเสมอ
It’s such a gorgeous sight | ช่างเป็นภาพที่งดงามจับตาเหลือเกิน
To see you eat in the middle of the night | ที่ได้เห็นเธอใช้ชีวิตอย่างเอร็ดอร่อยในยามค่ำคืน

[Refrain]
You can never get enough | เธอจะไม่มีวันอิ่มเอมกับมันได้พอหรอก
Enough of this stuff | ไม่มีวันพอหรอก กับความสุขเหล่านี้
It’s Friday, I’m in love | เพราะนี่คือวันศุกร์ และฉันกำลังมีความรัก

[Outro]
I don’t care if Monday’s blue | ฉันไม่แคร์หรอกนะหากวันจันทร์จะเศร้าหมอง
Tuesday’s grey and Wednesday too | อังคารจะหม่น หรือพุธจะเฉา
Thursday I don’t care about you | พฤหัสบดี ฉันไม่สนแกเลยสักนิด
It’s Friday, I’m in love | เพราะนี่คือวันศุกร์… และฉันรักมันเหลือเกิน

แด่ Perry Bamonte ขอบคุณสำหรับทุกเสียงดนตรีที่คุณเคยมอบให้โลกใบนี้ ขอให้ทุกวันของคุณบนฟากฟ้า… เป็นวันศุกร์ตลอดกาล

แสดงความคิดเห็น : Kitchen Rai

Your email address will not be published. Required fields are marked *


Optimized by Optimole