Skip to content

[รีวิว] Darkest Hour : ชั่วโมงพลิกโลก (2017) | เมื่อเงามืดของสงครามกลายเป็นเวทีของถ้อยคำ

เวลาที่ใช้อ่าน : 2 นาที

“Darkest Hour” ไม่ได้เป็นเพียงหนังประวัติศาสตร์อีกเรื่องหนึ่งที่เล่าเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่สอง หากแต่เป็นการถอดรหัส “พลังของภาษา” ที่เปลี่ยนชะตาของโลกทั้งใบ โจ ไรท์ (Joe Wright) ผู้กำกับชาวอังกฤษ ใช้ฝีมือทางภาพยนตร์อันจัดจ้าน ถ่ายทอดช่วงเวลาสั้นเพียงไม่กี่สัปดาห์ในปี 1940 ที่มีเดิมพันสูงสุด คือเสรีภาพของอังกฤษและยุโรปทั้งทวีป หนังไม่ได้ยัดเยียดข้อมูลทางประวัติศาสตร์ให้ผู้ชมเหมือนตำราเรียน แต่ใช้วิธีบีบคั้นบรรยากาศ สร้างความกดดันทางอารมณ์ ให้เรารู้สึกเหมือนอยู่ในห้องแคบที่ทุกการตัดสินใจอาจเปลี่ยนโฉมหน้าของโลก

การเมืองเป็นสมรภูมิที่มองไม่เห็น

ผู้ชมที่ไม่คุ้นเคยกับประวัติศาสตร์อังกฤษอาจสับสนกับชื่อบุคคลและเกมการเมืองที่ดำเนินอยู่หลังฉาก หนังเล่าเรื่องการขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของวินสตัน เชอร์ชิลล์ (Winston Churchill) ในช่วงที่อังกฤษเผชิญกับแรงกดดันมหาศาลจากกองทัพนาซี เยอรมนีภายใต้ฮิตเลอร์กำลังขยายอำนาจอย่างรวดเร็ว ฝรั่งเศสสั่นคลอน และอังกฤษเองก็ถูกบีบให้เลือกว่าจะ “เจรจาสันติภาพ” หรือ “ยืนหยัดต่อสู้”

สำหรับคนดูทั่วไป การเมืองในสภาอังกฤษอาจดูเป็นเรื่องห่างไกล แต่หนังทำให้มันกลายเป็น “สมรภูมิของความคิด” ที่เข้มข้นไม่แพ้สนามรบ การโต้วาที การกดดันทางวาจา และความลังเลใจของเชอร์ชิลล์ กลายเป็นฉากแอ็กชันที่ไม่มีการระเบิดหรือเสียงปืน แต่เต็มไปด้วยแรงระเบิดทางอารมณ์

เชอร์ชิลล์: บุรุษผู้ไม่สมบูรณ์แบบ แต่จำเป็น

สิ่งที่ทำให้ “Darkest Hour” ทรงพลัง คือการไม่ยกย่องเชอร์ชิลล์จนกลายเป็นวีรบุรุษขาวสะอาด แต่เลือกชี้ให้เห็นความดื้อรั้น ความหุนหันพลันแล่น และการถูกเกลียดชังจากคนรอบข้าง เขาไม่ใช่ผู้นำที่ทุกคนอยากได้ แต่กลับกลายเป็น “ผู้นำที่ประวัติศาสตร์ต้องการ”

การแสดงของแกรี โอลด์แมน (Gary Oldman) ที่แทบจะกลืนร่างเชอร์ชิลล์เข้ามาอยู่ในตัวเอง ถือเป็นจุดศูนย์กลางของหนัง เขาไม่ได้แค่เลียนเสียงหรือท่าทาง แต่สามารถปลุกความสับสน ความเจ็บปวด และพลังทางวาทศิลป์ให้ผุดขึ้นมาเหมือนจริง การดูโอลด์แมนในบทนี้คือการเฝ้ามองคนหนึ่งที่กำลังแบกทั้งประเทศไว้บนบ่า แม้จะเต็มไปด้วยความลังเลและความเปราะบาง

เมื่อคำพูดคืออาวุธที่ทรงพลังที่สุด

สิ่งที่ทำให้คนดูรู้สึกสนุก แม้จะไม่เข้าใจประวัติศาสตร์อังกฤษมาก่อน คือการที่หนังชี้ให้เห็น “พลังของภาษา” โดยไม่ต้องมีพื้นฐานความรู้ใด ๆ ฉากการปราศรัยของเชอร์ชิลล์เปรียบเสมือนการสาดแสงลงกลางห้องมืด คำพูด “We shall fight on the beaches…” อาจเป็นประโยคที่ถูกยกมาจนกลายเป็นตำนาน แต่ในหนัง มันไม่ได้ถูกวางให้เป็นเพียงวาทศิลป์ที่สวยหรู หากเป็นประโยคที่เกิดจากความกดดัน ความหวาดกลัว และความจำเป็นจริง ๆ

การที่หนังทำให้ผู้ชม “รู้สึก” ได้ว่าคำพูดเหล่านี้เปลี่ยนทิศทางของประเทศ และทำให้ผู้คนที่สิ้นหวังกลับมามีพลังใจอีกครั้ง คือหัวใจของความบันเทิงในเรื่องนี้ เพราะเรากำลังดู “มนุษย์ที่ใช้ภาษาเอาชนะเงามืด” มากกว่าการดูบทเรียนทางประวัติศาสตร์

ภาพ เสียง และพื้นที่จำกัดที่ขยายความหมาย

อีกหนึ่งมิติที่ทำให้ “Darkest Hour” ไม่ใช่แค่หนังชีวประวัติ คือการกำกับศิลป์และการใช้ภาพยนตร์เล่าเรื่อง ห้องแคบ ๆ ของสภาอังกฤษ ห้องใต้ดินที่มีแต่แสงสลัว รถยนต์ที่แล่นผ่านถนนมืด เหมือนสัญลักษณ์ของประเทศที่กำลังถูกปิดล้อม หนังสร้างบรรยากาศอึดอัดและคับแคบจนผู้ชมแทบหายใจไม่ออก ก่อนที่จะเปิดพื้นที่ให้กับฉาก “รถไฟใต้ดิน” ที่เชอร์ชิลล์ลงไปพบประชาชนอย่างไม่คาดคิด ฉากนั้นเปรียบเสมือนการเปิดหน้าต่างให้ลมหายใจใหม่พัดเข้าสู่หนังและสู่จิตใจผู้ชม

ทำไมคนที่ไม่รู้เรื่องประวัติศาสตร์ก็ควรดู

แม้หนังจะเต็มไปด้วยบทสนทนาการเมืองและบรรยากาศซีเรียส แต่ “Darkest Hour” ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของอังกฤษ มันคือเรื่องของ “การเลือกในยามวิกฤต” ที่มนุษย์ทุกคนสามารถเชื่อมโยงได้ เราทุกคนเคยยืนอยู่ตรงทางแยกที่ต้องตัดสินใจว่า จะยอมแพ้ต่อแรงกดดัน หรือจะยืนหยัดเพื่อสิ่งที่เชื่อมั่น

การดูหนังเรื่องนี้จึงไม่ใช่การเรียนประวัติศาสตร์ แต่คือการเรียนรู้ “จิตวิญญาณแห่งความกล้าหาญ” ผ่านศิลปะการเล่าเรื่องที่เข้มข้น

บทสรุป: เมื่อเงามืดเผยให้เห็นประกายแสง

“Darkest Hour” จึงไม่ใช่เพียงหนังการเมืองหรือชีวประวัติ แต่มันคือการฉายภาพช่วงเวลาที่โลกยืนอยู่บนขอบเหว แล้วมีเพียงถ้อยคำจากปากมนุษย์คนหนึ่งที่ฉุดมันกลับมา หากคุณรู้เรื่องประวัติศาสตร์อยู่แล้ว หนังจะทำให้คุณซาบซึ้งถึงพลังของรายละเอียด แต่ถ้าคุณไม่รู้เรื่องเลย หนังจะทำให้คุณสัมผัสได้ถึงพลังของ “ความเป็นมนุษย์” ที่สว่างไสวในยามมืดมิดที่สุด

นี่คือภาพยนตร์ที่ไม่เพียงเล่าเหตุการณ์ แต่ทำให้เราเข้าใจว่า “บางครั้งคำพูดก็สามารถกอบกู้โลกได้”

แสดงความคิดเห็น : Kitchen Rai

Your email address will not be published. Required fields are marked *


Optimized by Optimole