Skip to content

Slaves & Bulldozers: Soundgarden | เพลงสุดท้ายอันน่าสะเทือนใจของคริส คอร์เนลล์

เวลาที่ใช้อ่าน : 3 นาที

เมื่อคริส คอร์เนลล์ก้าวขึ้นเวทีที่โรงละครฟ็อกซ์อันเก่าแก่ในดีทรอยต์ ในคืนวันที่ 17 พฤษภาคม 2017 ไม่มีใครรู้เลยว่านี่จะเป็นการแสดงครั้งสุดท้ายของนักร้องนำวงSoundgarden วงปิดท้ายการแสดงด้วยเพลง “Slaves & Bulldozers” ซึ่งเป็นเพลงปีลึกจากอัลบั้ม Badmotorfinger  ปี 1991 — เพลงที่เป็นที่รู้จักจากพลังอันดิบเถื่อนและเสียงร้องที่ฉีกหัวใจของคริส คอร์เนลล์ ภายในไม่กี่ชั่วโมงต่อมา ข่าวการเสียชีวิตอย่างสลดใจของคริสจากการฆ่าตัวตายในห้องพักโรงแรมก็แพร่สะพัด ทันใดนั้น การแสดงนี้ไม่ใช่แค่อังกอร์ธรรมดา—แต่กลายเป็นบทส่งท้ายอันน่าสะเทือนใจของตำนานชาวร็อก

เพลงคัลท์คลาสสิกที่นิยามความดุดันของ Soundgarden

“Slaves & Bulldozers” ไม่เคยเป็นเพลงติดชาร์ต แต่มันครองตำแหน่งอันทรงเกียรติในหมู่แฟนๆ ตัวยงของ Soundgarden ปล่อยออกมาในช่วงที่กรันจ์กำลังรุ่งเรือง เพลงนี้แสดงให้เห็นถึงการผสมผสานอันหนักหน่วงและความหม่นๆ ระหว่างเมทัลและอัลเทอร์เนทีฟร็อคของวง โดยมีเสียงของคริส คอร์เนลล์ที่แผดออกมาเหนือทุกอย่างราวกับเป็นศาสดาผู้เกรี้ยวกราด ในการแสดงสด เพลงนี้คือพลังอันดุดัน—เป็นการแจมยืดยาวที่มักเปลี่ยนเป็นความวุ่นวายแบบด้นสด ปล่อยให้คริส คอร์เนลล์ถ่ายทอดอารมณ์ดิบๆ ออกมา มันไม่ใช่เพลงที่วิทยุอยากเปิด แต่มันเป็นการระบายความอัดอั้น—รุนแรง สะกดจิต และเป็นสัญชาตญาณดิบ เหมือนกับตัวเขาเอง

ความหมายของเพลงและความผิดหวังทางจิตวิญญาณ

ในแง่เนื้อหา “Slaves & Bulldozers” เป็นการไตร่ตรองอย่างช้าๆ เกี่ยวกับการเอารัดเอาเปรียบ อำนาจ และความผิดหวัง ด้วยท่อนอย่างเช่น (Now I know why you’ve been shaking ) เพลงนี้วาดภาพของการทรยศและการล่มสลาย—ไม่ว่าจะเป็นส่วนตัว สังคม หรือจิตวิญญาณ การถ่ายทอดของคริส คอร์เนลล์แกว่งไปมาระหว่างการท้าทายและความสิ้นหวัง ทั้งตะโกนและกระซิบด้วยน้ำหนักที่เท่ากัน ราวกับว่ากำลังลากจิตใจของเขาผ่านซากปรักหักพังของความหมาย

การบอกลาที่ซ่อนอยู่หรือแค่เพลงมหากาพย์อีกบทหนึ่ง?

แล้วการแสดงครั้งสุดท้ายนี้เป็นการบอกลาอย่างซ่อนเร้นหรือไม่? เมื่อมองย้อนกลับไป มันยากที่จะไม่มองหาร่องรอย คืนนั้นที่ดีทรอยต์ ทางวงได้ยืดเพลงนี้ให้เป็นบทมหากาพย์ยาวเกือบ 10 นาที โดยคริส คอร์เนลล์ได้เพิ่มเนื้อเพลงจาก “In My Time of Dying” ของ Led Zeppelin เพลงเพลงบลูส์แนวกอสเปลเกี่ยวกับการเผชิญหน้ากับความตาย ซึ่งจะมีท่อนนึงเอ่ยว่า

“In my time of dying, I want nobody to mourn / All I want for you to do is take my body home.” — ยามฉันลา ไม่ขอครวญหา ไม่เอาน้ำตาจากใคร แค่พาฉันกลับไป กลับคืนสู่บ้านที่เคยเป็น

ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเองหรือเป็นสัญลักษณ์ มันก็มีนัยสำคัญที่น่าขนลุกในตอนนี้ อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่รู้จักคริส คอร์เนลล์ การแสดงนี้อาจเป็นเพียงอีกหนึ่งช่วงเวลาแห่งความเจิดจรัสในอาชีพที่นิยามด้วยความลึกซึ้งทางอารมณ์และไฟแห่งการด้นสด ไม่มีคำตอบที่ชัดเจน บางทีมันอาจไม่ใช่จดหมายลาตาย บางทีมันอาจเป็นเพียงคริสเป็นตัวของเขาเอง—เดือดดาล ร้องโหยหวน หลั่งศิลปะใส่ไมค์เป็นครั้งสุดท้าย

แปลเพลง Slaves & Bulldozers: Soundgarden

Every word I said is what I mean | ทุกคำที่ฉันพูด คือสิ่งที่ฉันตั้งใจ
Every word I said is what I mean | ทุกคำที่ฉันพูด คือสิ่งที่มาจากใจ
Everything I gave is what I need | สิ่งที่ฉันมอบให้ คือสิ่งที่ฉันต้องการ
Virgin eyes and dirty looks | ดวงตาใสซื่อ กับสายตาที่เปื้อนเปรอะ
On what I have and why I took | มองสิ่งที่ฉันมี และตั้งคำถามว่าฉันเอามาทำไม
Counting all the hands I shook | ไล่นับมือทั้งหมดที่ฉันเคยจับ

Now I know why you’ve been shaking | ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าทำไมเธอถึงสั่น
Now I know why you’ve been shaking | ฉันเข้าใจแล้วว่าอะไรทำให้เธอสั่น
Now I know why you’ve been shaking | ฉันรู้แล้วว่าอะไรทำให้เธอหวาดกลัว
Now I know why you’ve been shaking | ฉันรู้แล้วว่าอะไรซ่อนอยู่ข้างในเธอ

So bleed your heart out | ปล่อยให้หัวใจของเธอไหลเป็นเลือด
There’s no more rides for free | จะไม่มีใครได้อะไรจากฉันไปฟรี ๆ อีกแล้ว
Bleed your heart out | ระบายความรู้สึกของเธอออกมาให้หมด
I said what’s in it for me, what’s in it for me | ฉันถามว่า แล้วฉันได้อะไรบ้าง ฉันได้อะไรบ้าง

Everything I’ve held is what I’ve freed | สิ่งที่ฉันเคยยึดไว้ ฉันได้ปล่อยมันเป็นอิสระ
Everything I’ve held is what I’ve freed | สิ่งที่เคยจับไว้ ฉันปล่อยให้หลุดมือไป
Everything I’ve shown is what I feel | สิ่งที่ฉันเปิดเผย คือความรู้สึกจริงของฉัน
Buying lies and stealing jokes | ซื้อคำโกหก และขโมยมุกตลก
And laughing every time I choke | แล้วหัวเราะทุกครั้งที่ฉันหายใจไม่ออก
Biding all the time you took | กล้ำกลืนต่อทุกวินาทีที่เธอพรากไป

Now I know why you’ve been taken | ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าเธอถูกกลืนหายไปเพราะอะไร
Now I know why you’ve been taken | ฉันรู้แล้วว่าเธอสูญเสียอะไร
Now I know why you’ve been taken | ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมเธอถึงเปลี่ยนไป
Now I know why you’ve been taken | ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าอะไรพรากเธอไป

So bleed your heart out | ปล่อยหัวใจของเธอให้เลือดไหลออกมา
There’s no more rides for free, yeah | ไม่มีการโดยสารฟรีอีกต่อไป
Bleed your heart out | ระบายมันออกมาให้หมด
I said what’s in it for me, what’s in it for me | ฉันถามว่า แล้วฉันได้อะไรบ้าง ฉันได้อะไรบ้าง
What’s in it for, what’s in it for | แล้วในนั้นมีอะไรให้ฉันบ้าง มีอะไรบ้าง

Every word I said is what I mean | ทุกคำที่ฉันพูด คือความจริงจากใจ
Everything I gave is what I need | สิ่งที่ฉันให้ไป คือสิ่งที่ฉันโหยหา
Everything I’ve held is what I’ve freed | สิ่งที่ฉันเคยกุมไว้ ฉันปล่อยมันออกมา
Everything I’ve shown is what I feel | สิ่งที่ฉันเผยออกไป คือสิ่งที่ฉันรู้สึก

Virgin eyes and dirty looks | ตาไร้เดียงสา กับสายตาหมิ่นเหยียด
On what I have and why I took | กับสิ่งที่ฉันมี และเหตุผลที่ฉันแย่งมา
Counting all the hands I shook | ไล่นับทุกมือที่ฉันเคยทักทาย

Now I know why you’ve been shaking | ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าอะไรทำให้เธอสั่น
Buying lies and stealing jokes | ซื้อคำลวง และลักขโมยมุกตลก
And laughing every time I choke | หัวเราะทุกครั้งที่ฉันสำลัก
Biding all the time you took | เก็บกลืนทุกนาทีที่เธอขโมยไป

Now I know why you’ve been taken | ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าอะไรที่พรากเธอไป

แสดงความคิดเห็น : Kitchen Rai

Your email address will not be published. Required fields are marked *


Optimized by Optimole