Skip to content

[รีวิว] ฝัน บ้า คาราโอเกะ : Fun Bar Karaoke (1997) | บทกวีขรุขระของเมืองกรุงเทพ จากผู้กำกับที่ยังค้นหาตัวเอง

เวลาที่ใช้อ่าน : < 1 นาที

มีบางเรื่องที่เมื่อเราย้อนกลับไปดู ไม่ใช่เพราะหนังมันดีจนทนไม่ได้ แต่เพราะมันคือ “จุดเริ่มต้น” ของคนทำหนังที่ต่อมาจะกลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว และ ฝัน บ้า คาราโอเกะ ของ เป็นเอก รัตนเรือง คือหนึ่งในหลักฐานชิ้นนั้น—หลักฐานของผู้กำกับที่กำลังลองของ หัดก้าวในเส้นทางที่ตัวเองยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันจะพาไปไกลแค่ไหน

นี่ไม่ใช่หนังที่กลมกล่อม
ไม่ใช่หนังที่เป็นเอกที่สุดของเขา
และมันเต็มไปด้วยมุมเหลี่ยมที่ “แปลก” “แข็ง” และ “หลุด” ประปราย

แต่ในความผิดแปลกนั้นเอง มันเปิดให้เห็นเค้าลางของผู้กำกับที่ต่อมาจะทำให้ผู้ชมจดจำชื่อ เป็นเอก ได้จากงานที่คมกว่า ละเมียดกว่า และเฉียบกว่าในภายหลัง

และที่สำคัญ—มันทำให้เราเห็นว่าเขาเริ่มต้นจากไหน

กรุงเทพในโทนฝัน: ความสมจริงที่ถูกห่อด้วยความหลอนของคนเมือง

สิ่งที่ ฝัน บ้า คาราโอเกะ ทำได้น่าสนใจตั้งแต่ต้น คือการเล่าเรื่องของ “ปู” เด็กสาวที่ความฝันกำลังเล่นงานเธอ
ความฝันที่แม่ที่ตายไปแล้วกำลังสร้างบ้าน
และหมอดูบอกว่า
“บ้านเสร็จเมื่อไร พ่อจะตาย”

มันเป็นพล็อตที่ดูเหมือนจะเหนือจริง แต่แท้จริงแล้วมันผูกอยู่กับความกลัวพื้นฐานของมนุษย์เมือง—ความกลัวว่าครอบครัวจะพัง ความกลัวการสูญเสีย ความกลัวที่ไม่มีใครช่วยได้

ในเวลาเดียวกัน “พ่อ” กลับไม่รับรู้อะไร เขาติดบาร์ คาราโอเกะ และหญิงสาวชื่อ “หยก” ชนิดหัวปักหัวปำ
ทำให้ชีวิตจริงของปูยิ่งเหมือนฝันร้ายที่กำลังจะลุกลามมาชนโลกจริงในไม่ช้า

เป็นเอกเอาความจริงปะทะความฝัน นำมาคลุกในกรุงเทพยุคคาราโอเกะเฟื่องฟู
แสงนีออน น้ำเมา ห้องร้องเพลงราคาถูก
ทั้งหมดทำหน้าที่เหมือนฉากหลังของโศกนาฏกรรมที่จะมาถึงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

การลอกอย่างซื่อตรง: ความทารันติโน่ในยุคที่เราไม่รู้จะเรียกมันว่าอะไรดี

“หลายฉากหยิบมาจากทารันติโน่กับหว่องกาไวอย่างไม่เคอะเขิน”

ใช่—และมันไม่ใช่ความรู้สึกผิดหรือความลอกแบบอาย ๆ ด้วยนะ
แต่มันคือการ “โชว์ของ” ของผู้กำกับหน้าใหม่ที่ยุคนั้นยังไม่มีใครทำอะไรแบบนี้ในหนังไทย

กลิ่นของ Pulp Fiction และ Reservoir Dogs นั้นชัดจนน่าเอ็นดู
การหั่นฉากแบบไม่ปะติดปะต่อ
ตัวละครที่พูดเหมือนจงใจให้เท่
จังหวะการเดินของกล้อง
และความพยายามจะทำให้ความรุนแรง “มีสไตล์”

เป็นเอกในหนังเรื่องนี้เหมือนยังแกะรอยต้นฉบับ
ยังทดลอง
ยังไม่ใช่ตัวเองแบบเต็ม ๆ

แต่นั่นแหละคือเสน่ห์
เพราะมันทำให้เราเห็นว่าผู้กำกับไทยคนหนึ่งกำลังตะเกียกตะกายจะพูดภาษาหนังแบบสากล
แต่ยังใช้โครงสร้างไทย ๆ
เช่น หมอดู ผีแม่ ความเชื่อไสยศาสตร์
มาผสมกับสไตล์ฮอลลีวูดยุค 90

ความไม่เข้ากันนี่แหละ—ที่กลับสร้างรสชาติที่ไม่มีหนังเรื่องไหนในยุคนั้นเหมือนเลย

บทที่หลวม งานภาพที่แน่น และความเป็นโฆษณาที่ล้นออกมา

งานภาพของ ฝัน บ้า คาราโอเกะ คือเครื่องยืนยันว่าเป็นเอกมาจากวงการโฆษณา
มันสวย
มันนิ่ง
มันมีจังหวะแบบ “อยากเท่” ชัดเจน
โดยเฉพาะฉากบาร์ ฉากห้องคาราโอเกะ ฉากกลุ่มมือปืน และแม้แต่ในร้านสะดวกซื้อเซเว่น—ทุกอย่างถูกถ่ายราวกับจะขายกลิ่นอายให้ผู้ชมดมผ่านหน้าจอ

แต่นั่นคือข้อดีและข้อเสียไปพร้อมกัน
สไตล์ภาพเด่นจนบดเนื้อเรื่องที่ควรพาเราไปไกลกว่านี้
บทเล่าเรื่องค่อนข้างหลวม ตัวละครยังไม่คม

หลายจุดจึงรู้สึกว่า
“นี่เป็นหนังที่ยังไม่ลงตัว แต่มีความทะเยอทะยานแบบงาม ๆ อยู่เบื้องหลัง”

บทสรุป: นี่คือหนังที่อาจไม่ดีนัก — แต่สำคัญ

ถ้าต้องพูดว่า ฝัน บ้า คาราโอเกะ “ดี” ไหม?
ก็ต้องตอบอย่างตรงไปตรงมา
มันยังไม่ดีพอ

ไม่ดีในแง่บท
ไม่ดีในแง่จังหวะ
ไม่ดีในแง่ความลงตัว

แต่ถ้าถามว่า “มีอะไร?”
มันมีสิ่งสำคัญมากกว่า “ความดี”
คือการประกาศเกิดของผู้กำกับที่ต่อมาจะกลายเป็นหนึ่งในผู้กำกับไทยที่มีลายเซ็นชัดที่สุดในยุคเรา

นี่คือหนังที่เปิดเผยความดิบเถื่อนในใจผู้กำกับ
หนังที่ชี้ให้เห็นถึงการทดลองทางภาษาภาพยนตร์
หนังที่เป็นเหมือนสมุดบันทึกยุคแรกของ เป็นเอก รัตนเรือง
ก่อนจะพัฒนาไปเป็น เรื่องตลก 69, มนต์รักทรานซิสเตอร์ และ เรื่องรัก น้อยนิด มหาศาล
ที่กลายเป็นผลงานลายเซ็นในเวลาต่อมา

มันจึงไม่ใช่หนังที่คุณต้อง “ชอบ”
แต่เป็นหนังที่คุณควร “เห็น”

และอาจต้อง “ขอบคุณ” ที่มันมีอยู่
เพราะถ้าไม่มีมัน
เราอาจไม่มีเป็นเอกแบบที่เรารู้จักในทุกวันนี้

แสดงความคิดเห็น : Kitchen Rai

Your email address will not be published. Required fields are marked *


Optimized by Optimole