Skip to content

Avant Gardener : Courtney Barnett | เมื่อความพังกลายเป็นสวนที่งอกงาม

เวลาที่ใช้อ่าน : 3 นาที

Courtney Barnett คือศิลปินที่ไม่จำเป็นต้องร้องเสียงดังเพื่อให้โลกฟัง เธอเล่าเรื่องชีวิตประจำวันด้วยน้ำเสียงเรียบๆ เหมือนเพื่อนบ้านพูดคุยกันขณะรดน้ำต้นไม้ แต่กลับแฝงไว้ด้วยความคมคายทางอารมณ์แบบที่แทงใจคนฟังได้ลึกกว่าเพลงเศร้าใดๆ

เพลง “Avant Gardener” จากอัลบั้ม The Double EP: A Sea of Split Peas (2013) เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ชื่อของ Barnett ถูกพูดถึงในฐานะนักเล่าเรื่องแห่งยุคสมัยใหม่ของออสเตรเลีย เพลงนี้คือสารคดีชีวิตในวันร้อนระอุวันหนึ่งที่เริ่มต้นด้วยความเบื่อหน่าย — และจบลงที่โรงพยาบาลหลังจากอาการหอบหืดรุนแรงเฉียบพลัน

มันไม่ใช่แค่เรื่องตลกร้าย แต่เป็นบันทึกเสียงภายในของหญิงสาวที่พยายามจะ “ทำอะไรสักอย่างกับชีวิต” แม้กระทั่งการทำสวนก็ยังกลายเป็นการดิ้นรนเพื่อหายใจ

ที่มาของเพลง : เหงื่อไหลกลางแดด และความคิดที่เติบโตกลางความว่างเปล่า

Courtney Barnett เคยเล่าว่า เพลงนี้เกิดขึ้นจากเหตุการณ์จริงในฤดูร้อนที่เมลเบิร์น เธอตื่นขึ้นในวันจันทร์ที่ร้อนเกือบสี่สิบองศาโดยไม่มีแผนอะไรจะทำ หลังจากลาออกจากงานและตกอยู่ในช่วงเฉื่อยชาทางจิตใจ

ในขณะที่ชีวิตดู “ไร้ทิศทาง” เธอพยายามหากิจกรรมเล็กๆ มาทำเพื่อลืมความรู้สึกไร้ค่า — จึงออกไปทำสวนหน้าบ้าน แต่ไม่นานนัก เธอก็หายใจติดขัดจนต้องเรียกรถพยาบาล

เหตุการณ์นั้นเองกลายเป็นทั้ง trauma และ muse ของเธอเอง Courtney Barnett เล่าเรื่องนี้ในแบบที่ไม่ต้องขอความเห็นใจจากใคร — เธอหัวเราะเยาะตัวเองผ่านทำนอง indie rock ที่เหมือนจะร่าเริงแต่แฝงด้วยอาการซึมลึกอย่างประหลาด

ชื่อเพลง “Avant Gardener” เป็นการเล่นคำจากคำว่า “avant-garde” (แนวหน้าของศิลปะใหม่) กับคำว่า “gardener” (คนทำสวน) — สะท้อนความประชดในตัวเองของ Courtney Barnett ที่พยายามทำสิ่ง “สร้างสรรค์” อย่างการปลูกต้นไม้ แต่กลับลงเอยด้วยความโกลาหล

ความหมายของเพลง : เมื่อการหายใจคือการต่อสู้

“Avant Gardener” ไม่ได้พูดถึงโรคหอบหืดเพียงอย่างเดียว แต่พูดถึง ความวิตก ความหมดไฟ และการพยายามอยู่รอดในโลกธรรมดาที่หนักเกินไป

ในท่อนแรก เธอพูดถึงการนอนตื่นสาย ความรกร้างของสนามหญ้า และความร้อนที่แทบเผาให้มอด — ทั้งหมดนั้นคือภาพแทนของสภาพจิตใจที่สับสน เหมือนชีวิตที่ “ควรจะมีแผน” แต่กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย

การทำสวนจึงเป็นการ “หลบหนี” — ไม่ใช่เพราะอยากปลูกต้นไม้จริงๆ แต่เพราะอยากปลูก “ความรู้สึกว่าตัวเองยังมีค่าอยู่”
แต่เมื่อร่างกายตอบโต้ด้วยอาการหอบ Courtney Barnett ก็เหมือนถูกตบหน้าแรงๆ จากความจริง ว่าความพยายามจะ ควบคุมชีวิต ของเธอนั้นเปราะบางเพียงใด

ท่อน “I feel like Uma Thurman post-overdose and kick start” พาดพิงถึงฉากใน Pulp Fiction ที่ Uma Thurman ถูกฉีดอะดรีนาลีนเข้าหัวใจหลังเสพยาเกินขนาด — Courtney Barnett เปรียบความรอดตายของตัวเองกับฉากนั้นในเชิงประชด เสียงหัวเราะแบบ deadpan ของเธอคือเกราะป้องกันความเปราะบาง

ท้ายที่สุด เธอสรุปด้วยน้ำเสียงเย็นเฉยว่า “I much prefer the mundane” — ฉันชอบความน่าเบื่อมากกว่า ชีวิตธรรมดานั้นอาจไร้สี แต่ก็ยังดีกว่าต้องตายจากการพยายามจะเปลี่ยนแปลงอะไรสักอย่าง

เสียงและบรรยากาศ : ดนตรีของคนที่ยังไม่ตายแต่หายใจติดขัด

ดนตรีของ “Avant Gardener” เป็นการผสมระหว่าง lo-fi grunge กับ folk rock ที่ลื่นไหลเหมือนเสียงบ่นในหัวของคนหนึ่งคน กีตาร์ของ Courtney Barnett ถูกบันทึกอย่างดิบๆ จงใจไม่สมบูรณ์ มีจังหวะกึ่งเดินกึ่งลาก

เสียงร้องของเธอราบเรียบจนแทบไม่เปลี่ยนระดับ แต่กลับกลายเป็นเสน่ห์ เพราะมันทำให้คนฟังรู้สึกเหมือนอ่านไดอารี่เสียงพูด มากกว่าเพลงที่ผ่านกระบวนการผลิต

ในเชิงอารมณ์ เพลงนี้คือ “panic attack ที่ถูกทำให้เป็นศิลปะ” — ความหายใจติดขัด ความสับสน และความพยายามจะยิ้มในวันที่ไม่ไหว ถูกเล่าด้วยน้ำเสียงที่ซื่อสัตย์ที่สุด

บทสรุป : ความเฉื่อยชาที่กลายเป็นบทกวีของชีวิต

ในมือของศิลปินคนอื่น เรื่องแบบนี้อาจเป็นเพียงเหตุการณ์เล็กๆ ที่น่าขายหน้า แต่ในมือของ Courtney Barnett มันกลับกลายเป็น บทเพลงที่เปลี่ยนความเฉื่อยชาให้มีความหมาย
“Avant Gardener” จึงไม่ใช่แค่เรื่องของคนหายใจติดขัด แต่คือบันทึกของมนุษย์ที่พยายามจะ “มีชีวิตอยู่” ด้วยวิธีที่ซื่อตรงที่สุด — แม้มันจะดูงุ่มง่ามเพียงใดก็ตาม

แปลเนื้อเพลง Avant Gardener – Courtney Barnett

I sleep in late, another day | ฉันตื่นสายอีกวันหนึ่ง
Oh, what a wonder, oh, what a waste | ช่างน่าอัศจรรย์…หรือเปลืองเวลาไม่รู้
It’s a Monday, it’s so mundane | วันจันทร์…ที่แสนจะจืดชืด
What exciting things will happen today? | วันนี้จะมีอะไรน่าตื่นเต้นไหมนะ

The yard is full of hard rubbish, it’s a mess and | สนามหญ้าเต็มไปด้วยขยะ แข็งกระด้างและรกไปหมด
I guess the neighbours must think we run a meth lab | เพื่อนบ้านคงคิดว่าเราทำยาอยู่ที่นี่แน่
We should amend that, I pull the sheets back | คงต้องแก้ไข ฉันดึงผ้าปูเตียงออก
It’s forty degrees and I feel like I’m dying | อุณหภูมิสี่สิบองศา รู้สึกเหมือนจะละลายตาย

Life’s getting hard in here so I do some gardening | ชีวิตมันอึดอัดเหลือเกิน ฉันเลยออกไปทำสวน
Anything to take my mind away from where it’s supposed to be | ทำอะไรก็ได้เพื่อไม่ให้คิดถึงสิ่งที่ควรคิด
The nice lady next door talks of green beds | คุณป้าข้างบ้านพูดถึงแปลงดอกไม้สีเขียว
And all the nice things that she wants to plant in them | กับพืชสวยๆ ที่เธออยากปลูกไว้ในนั้น

I wanna grow tomatoes on the front steps | ฉันอยากปลูกมะเขือเทศตรงบันไดหน้าบ้าน
Sunflowers, bean sprouts, sweet corn and radishes | ทานตะวัน ถั่วงอก ข้าวโพดหวาน แล้วก็หัวไชเท้า
I feel proactive, I pull out weeds | รู้สึกว่าตัวเองขยันขึ้น ฉันถอนหญ้าออก
All of a sudden, I’m having trouble breathing in | แต่จู่ๆ ก็หายใจไม่ออก

I’m having trouble breathing in | ฉันหายใจเข้าไม่ถนัด
I’m having trouble breathing in | ฉันหายใจเข้าไม่ถนัด
I’m having trouble breathing in | ฉันหายใจเข้าไม่ถนัด

My hands are shaky, my knees are weak | มือสั่น หัวเข่าอ่อนแรง
I can’t seem to stand on my own two feet | ยืนอยู่บนขาตัวเองแทบไม่ได้
I’m breathing but I’m wheezing, feel like I’m emphysem-ing | หายใจอยู่แต่มีเสียงหวีด เหมือนปอดกำลังพัง
My throat feels like a funnel filled with Weet-Bix and kerosene and | ลำคอเหมือนกรวยที่อุดด้วยซีเรียลกับน้ำมันก๊าด

Oh no, next thing I know, they call up triple-0 | แล้วต่อไปก็มีคนโทรเรียกรถพยาบาล
I’d rather die than owe the hospital ’til I get old | ฉันอยากตายมากกว่าต้องเป็นหนี้โรงพยาบาลไปจนแก่
I get adrenaline straight to the heart | พวกเขาฉีดอะดรีนาลีนเข้าหัวใจ
I feel like Uma Thurman post-overdose and kick start | รู้สึกเหมือนอูมา เธอร์แมน หลังโดนเข็มช็อตชีวิตในหนัง Pulp Fiction

Reminds me of the time when I was really sick and I | มันทำให้ฉันนึกถึงตอนที่เคยป่วยหนัก
Had too much pseudoephedrine and I couldn’t sleep at night | กินยาแก้หวัดมากไปจนทั้งคืนไม่ได้นอน
Halfway down High Street, Andy looks ambivalent | ระหว่างทาง แอนดี้ทำหน้าเหมือนยังไม่แน่ใจ
He’s probably wondering what I’m doing getting in an ambulance | เขาคงสงสัยว่าฉันไปนั่งรถพยาบาลทำไม

The paramedic thinks I’m clever ’cause I play guitar | เจ้าหน้าที่พยาบาลบอกว่าฉันเก่งเพราะเล่นกีตาร์ได้
I think she’s clever ’cause she stops people dying | ฉันกลับคิดว่าเธอเก่งกว่าที่ช่วยคนไม่ให้ตาย
Anaphylactic and super hypochondriactic | ฉันทั้งแพ้และขี้กังวลในเวลาเดียวกัน
Should’ve stayed in bed today, I much prefer the mundane | วันนี้ควรนอนอยู่บ้านดีกว่า ฉันชอบความน่าเบื่อมากกว่าแบบนี้

I take a hit from an asthma puffer | สูดยาพ่นหอบเข้าไป
I do it wrong, I was never good at smoking bongs | สูดผิดวิธี — ฉันไม่เคยเก่งเรื่องสูดอะไรพวกนี้อยู่แล้ว

I’m not that good at breathing in | ฉันไม่เก่งเรื่อง “การหายใจเข้า” เลยจริงๆ
I’m not that good at breathing in | ฉันไม่เก่งเรื่อง “การหายใจเข้า” เลยจริงๆ
I’m not that good at breathing in | ฉันไม่เก่งเรื่อง “การหายใจเข้า” เลยจริงๆ

Oh, oh, oh-oh, oh, oh, oh-oh, oh | โอ้…โอ้…
Oh, oh, oh-oh, oh, oh, oh-oh, oh | โอ้…โอ้…
Oh, oh, oh-oh, oh, oh, oh-oh, oh | โอ้…โอ้…
Oh, oh, oh-oh, oh, oh, oh-oh, oh | โอ้…โอ้…

แสดงความคิดเห็น : Kitchen Rai

Your email address will not be published. Required fields are marked *


Optimized by Optimole