หากคุณกำลังมองหาหนังแอคชันสายลับจากยุโรปที่ดูแล้วไม่ต้องคิดเยอะ แต่ยังมีความลุ้นระทึกให้พอขบเคี้ยว Exterritorial (2025) คือหนึ่งในหนังที่ตอบโจทย์สำหรับค่ำคืนที่อยากดูอะไรเข้มข้นแต่ไม่ซับซ้อนจนเกินไป
เรื่องย่อ
ซาร่า (รับบทโดย Jeanne Goursaud) อดีตทหารหน่วยรบพิเศษของเยอรมัน พาลูกชายตัวน้อยของเธอไปที่สถานกงสุลสหรัฐฯ ในแฟรงก์เฟิร์ตเพื่อดำเนินเรื่องบางอย่าง แต่ทันใดนั้นลูกชายของเธอกลับหายตัวไปอย่างลึกลับ และที่แปลกไปกว่านั้นคือ…ไม่มีใครจำได้เลยว่าเด็กคนนี้เคยเข้ามาในสถานกงสุลด้วยซ้ำ!
เมื่อถูกขอให้ออกจากพื้นที่ ซาร่าตัดสินใจทำในสิ่งที่ไม่มีใครกล้าทำ — หลบซ่อนตัวอยู่ในเขาวงกตของอาคารกงสุลฯ เพื่อออกตามหาลูกด้วยตัวเอง พร้อมกับเบาะแสลึกลับที่โยงใยไปถึงแผนสมคบคิดระดับนานาชาติ ที่เธอไม่เคยคาดคิด
รีวิว: แอคชันดุเดือด ผสมดราม่าหนักอารมณ์แบบ “ฝรั่งขม”
สิ่งแรกที่ต้องบอกก่อนคือ หนังเรื่องนี้ไม่ได้พยายามเป็นหนังออสการ์ แต่มันก็รู้หน้าที่ของตัวเองดี — คือการพาคนดูดำดิ่งไปกับภารกิจของแม่ที่พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อลูก โดยมีฉากต่อสู้ การลอบเข้า-ออกพื้นที่ต้องห้าม และปริศนาที่ชวนงงเล็กน้อยพอให้ตื่นตัว
แม้พล็อตจะฟังดูซ้ำซาก (แม่ตามหาลูกที่หายตัวไป) แต่สิ่งที่ทำให้ Exterritorial โดดเด่นคือ การนำเสนอในบรรยากาศของ “พื้นที่ต่างแดน” ที่ไม่มีอำนาจของใครควบคุมได้ และการค่อย ๆ คลายปมทีละนิดว่าเรื่องนี้มันมีมากกว่าการลักพาตัวธรรมดา ภายใต้บรรยากาศอารมณ์ของหนังยุโรปที่ส่วนตัวมักจะมองว่าทื่อๆ ขาดความสุนทรีย์แบบที่มักพบเห็นได้อยู่บ่อยๆ
Jeanne Goursaud — ฮีโร่หญิงยุคใหม่
แม้จะไม่ใช่ดาราแถวหน้า แต่ Jeanne Goursaud แสดงบทซาร่าได้น่าเชื่อถือมากในความสมจริง เธอไม่ใช่ “วันเดอร์วูแมน” ที่ต่อยทีเดียวร่วง แต่เป็นทหารหญิงที่ “รอด” มาได้จากความทรหดและทักษะจริง ๆ แต่ละฉากต่อสู้เธอเจ็บตัว เหนื่อย หอบ และมักจะ “เกือบไม่รอด” — ซึ่งนั่นทำให้หนังดูสมจริงขึ้นมาก แม้ว่าบางแอ็คชั่นจะดูไม่แนบเนียนตาเหมือนฝั่งฮอลลีวูดก็ตาม
นักแสดงสมทบและบรรยากาศ “ยุโรปดาร์ก”
ตัวละครอื่น ๆ อย่าง Dougray Scott ก็เติมความความรู้สึก “ขุ่นมัว” แบบสายลับเก่าเก็บที่มีอะไรซ่อนอยู่ ส่วน Lera Abova (ว่าที่นักแสดงจาก One Piece) ก็มาแบบลึกลับ มีเสน่ห์ และน่าสงสัยตลอดเวลา
บรรยากาศในหนังก็เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเสริมอารมณ์ให้หนักแน่น — อาคารปิดลับ เทคโนโลยี(ที่ดูเหมือนล้าสมัย) และอารมณ์ไซไฟแบบยุโรปคลาสสิก ที่อาจชวนให้นึกถึง Black Mirror หรือหนังเยอรมันสายลับยุค 2000s
จุดที่อาจขัดใจ
- พล็อตไม่ใหม่ และมีความ “เดาได้” อยู่บ้าง
- บางฉากดูเกินจริง โดยเฉพาะเวลาตัวละครหญิงร่างบางจัดการทหารชายหลายคน (แต่หนังก็พยายามทำให้เจ็บจริง แพ้จริง ไม่เวอร์จนเกินไป) และบางฉากก็ทำออกมาให้ดู “ง่าย” หรือจงใจให้ตัวละครเดินไปสู่ทางที่ต้องการแบบโจ่งแจ้งไป
- มีข้อผิดพลาดเล็กน้อยด้านเครื่องแบบทหาร (แต่คนทั่วไปอาจไม่สังเกต)
สรุป
Exterritorial (2025) ไม่ใช่หนังเปลี่ยนชีวิต แต่เป็นหนังแอคชันที่ดูแล้วเพลิน สนุก และมีความแตกต่างพอจะไม่จางหายจากความทรงจำหลังดูจบ เหมาะกับคนที่ชอบหนังอย่าง Flightplan, Salt, หรือแม้แต่ Nikita แต่ต้องการเวอร์ชันที่มีความ “ยุโรป” และหม่นลึกและทื่อๆ กว่าฝั่งฮอลลีวูดเล็กน้อย
อยากจะเขียนอะไรก็เขียนอ่ะครับ แต่มีผู้ช่วยเขียนเป็น A.I. หากเขียนผิดหรือตกหล่นไปก็ขออภัยล่วงหน้านะครับ